bg-head-3

新闻

"ฮุนเซน" ชมไม่ขาดปากบุญคุณจีน ช่วยเขมรสร้างถนน-สะพาน

 

     ASTVผู้จัดการออนไลน์ – นายกรัฐมนตรีกัมพูชาฮุนเซนได้กล่าวชื่นชมอยู่เสมอๆ ความช่วยเหลืออันมากมายมหาศาลจากรัฐบาลจีน ในการพัฒนาระบบสาธารณูปโภคและการสร้างขาย ยกระดับถนน-สะพานกับทางหลวงสายสำคัญต่างๆ ในประเทศ ผู้นำกัมพูชากล่าวถึงเรื่องนี้อีกครั้งหนึ่ง ระหว่างทำพิธีเปิดการก่อสร้างถนน ชานกรุงพนมเปญ เพื่อเชื่อมสะพานข้ามแม่น้ำ 2 แห่งเข้าด้วยกัน 
       
     ตามรายงานของสำนักข่าวกัมพูชา ฮุนเซนได้เป็นประธานในพิธีเปิดการก่อสร้างถนนระยะทาง 30 กิโลเมตร บนทางหลวงเลข 5 (พนมเปญ-พระตะบอง-ศรีโสภณ) จากสะพานจรอยจังวร (Charoy Changvar) กับสะพานเปรียกกะดัม (Preak Kadam) ในวันอังคาร 9 ต.ค. และได้กล่าวยกย่องจีน โดยระบุว่าเป็นประเทศผู้ช่วยเหลือรายใหญ่ในการก่อสร้างถนนและสะพาน ในประเทศ
       
     การก่อสร้างถนนระยะทาง 30 กม.ช่วงนี้ รวมอยู่ใน 8 โครงการก่อสร้างรวมมูลค่า 400 ล้านดอลลาร์ ที่จีนช่วยเหลือกัมพูชา ซึ่งมีการเซ็นความตกลงเรื่องนี้ เมื่อนายสีจิ้นผิง (Xi Jinping) รองประธานาธิบดีจีน เดินทางเยือนในเดือน ธ.ค.2552 นายกฯ กัมพูชากล่าว
       
     อีก 7 โครงการที่กำลังดำเนินอยู่ภายใต้ความช่วยเหลือจากจีนในขณะนี้คือ การก่อสร้างและขยายทางหลวงสาย 6A โครงการก่อสร้างสะพานตาขเมา (Takhmao Bridge) โครงการสร้างและขยายท่าเรือพนมเปญ การก่อสร้างทางหลวงสาย 41 โครงการพัฒนาลุ่มแม่น้ำโพธิสัตว์ โครงการจัดสร้างและขยายข่ายไฟฟ้าชนบท และโครงการก่อสร้างเขื่อนใน จ.สตึงแตร็ง (Stung Treng)
       
     ผู้นำกัมพูชากล่าวอีกว่าที่ผ่านมากัมพูชาได้ขอความช่วยเหลือจากจีนทุกปีๆ ละ 300 ล้านดอลลาร์ และระหว่างไปเยือนจีนเดือนที่แล้ว ได้เรียกร้องให้จีนเพิ่มวงเงินช่วยเหลือเป็นปีละ 500 ล้านดอลลาร์ตลอดระยะ 5 ปีข้างหน้า สำนักข่าวกัมพูชารายงาน
       
     ไม่เพียงแต่จีนจะกลายเป็นประเทศที่ให้การช่วยเหลือแก่กัมพูชาโดยตรงรายใหญ่ที่สุดเท่านั้น แต่นักลงทุนจากจีนก็ได้กลายเป็นผู้ลงทุนรายใหญ่ที่สุดในประเทศนี้ติดต่อกันมาหลายปีด้วยมูลค่าเงินทุนกว่า 4,000 ล้านดอลลาร์ในปัจจุบัน
       
     นักลงทุนจากจีนได้กลายเป็นเจ้าของพื้นที่สัมปทานมากมายที่สุดในกัมพูชา ทั้งในโครงการเหมืองแร่ นิคมอุตสาหกรรมและเขตเศรษฐกิจพิเศษ เขื่อนผลิตไฟฟ้านับสิบแห่ง ตลอดจนโครงการปลูกพืชอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ซึ่งรวมทั้งสวนยางพารากับปาล์มน้ำมันด้วย.

 

ขอขอบคุณที่มา : ASTVผู้จัดการออนไลน์