bg-head-3

ประวัติส่วนตัว

บทที่ ๒ พรรคคอมมิวนิสต์จีนกับสงครามปฏิวัติของจีน

 

บทที่ ๒
พรรคคอมมิวนิสต์จีนกับสงครามปฏิวัติของจีน
 
สงครามปฏิวัติของจีนซึ่งเริ่มตั้งแต่ปี ๑๙๒๔ นั้น ได้ผ่านพ้นไปแล้ว ๒ ขั้น คือขั้นปี ๑๙๒๔ ถึงปี ๑๙๒๗ และขั้นปี ๑๙๒๗ ถึงปี ๑๙๓๖; ต่อแต่นี้ไปเป็นขั้นสงครามปฏิวัติประชาชาติต่อต้านญี่ปุ่น.  สงครามปฏิวัติทั้ง ๓ ขั้นนี้ล้วนแต่นำโดยชนชั้นกรรมาชีพจีนกับพรรคการเมืองของชนชั้นนี้อันได้แก่พรรคคอมมิวนิสต์จีน.  ศัตรูตัวเอกในสงครามปฏิวัติของจีนคือจักรพรรดินิยมและอิทธิพลศักดินา.  แม้ว่าชนชั้นนายทุนจีนอาจเข้าร่วมสงครามปฏิวัติได้ในบางโอกาสของประวัติศาสตร์ แต่เนื่องจากมีความเห็นแก่ตัวและขาดความเป็นอิสระในทางการเมืองและในทางเศรษฐกิจ ชนชั้นนี้จึงไม่ยินดีและก็ไม่สามารถที่จะนำสงครามปฏิวัติของจีนให้ก้าวไปสู่หนทางแห่งความมีชัยถึงที่สุดได้.  มวลชนชาวนาและมวลชนชั้นนายทุนน้อยในเมืองของจีนยินดีที่จะเข้าร่วมสงครามปฏิวัติอย่างแข็งขัน และยินดีที่จะให้สงครามได้รับชัยชนะถึงที่สุด.  พวกเขาเป็นกองกำลังหลักในสงครามปฏิวัติ; แต่ว่าลักษณะพิเศษของการผลิตขนาดเล็กของพวกเขา ทำให้สายตาการเมืองของพวกเขาถูกจำกัด (ส่วนมวลชนที่ว่างงานส่วนหนึ่งมีความคิดอนาธิปไตย), ฉะนั้น พวกเขาจึงไม่อาจเป็นผู้ทำหน้าที่นำที่ถูกต้องในสงครามได้.  ด้วยเหตุนี้ ในยุคที่ชนชั้นกรรมาชีพได้ก้าวขึ้นสู่เวทีการเมืองแล้ว หน้าที่ในการนำสงครามปฏิวัติของจีนจึงตกอยู่บนบ่าของพรรคคอมมิวนิสต์จีนอย่างหลีกเลี่ยงไม่พ้น.  ในเวลาเช่นนี้ สงครามปฏิวัติใด ๆ ถ้าไม่มีหรือฝ่าฝืนการนำของชนชั้นกรรมาชีพและพรรคคอมมิวนิสต์ สงครามนั้น ๆ ก็จะพ่ายแพ้อย่างแน่นอน  เพราะว่าในบรรดาชั้นชนและกลุ่มการเมืองต่าง ๆ ของสังคมประเทศจีนซึ่งเป็นกึ่งเมืองขึ้นนั้น มีแต่ชนชั้นกรรมาชีพและพรรคคอมมิวนิสต์เท่านั้นที่ไม่มีลักษณะคับแคบและไม่มีลักษณะเห็นแก่ตัวที่สุด มีสายตาการเมืองอันยาวไกลที่สุด และมีลักษณะจัดตั้งดีที่สุด  และทั้งสามารถรับเอาความจัดเจนของชนชั้นกรรมาชีพอันเป็นชนชั้นที่ก้าวหน้าในโลกกับพรรคการเมืองของชนชั้นนี้มาใช้ในภารกิจของตนอย่างน้อมใจที่สุด.  ด้วยเหตุนี้ จึงมีแต่ชนชั้นกรรมาชีพและพรรคคอมมิวนิสต์เท่านั้นที่สามารถนำชาวนา ชนชั้นนายทุนน้อยในเมืองและชนชั้นนายทุน เอาชนะลักษณะคับแคบของชาวนาและชนชั้นนายทุนน้อย เอาชนะลักษณะบ่อนทำลายของหมู่คนว่างงานได้  และทั้งสามารถเอาชนะลักษณะโลเลและไม่ถึงที่สุดของชนชั้นนายทุนได้ (ถ้านโยบายของพรรคคอมมิวนิสต์ไม่ผิดพลาด) ทำให้การปฏิวัติและสงครามก้าวไปสู่หนทางแห่งชัยชนะ.
สงครามปฏิวัติระหว่างปี ๑๙๒๔ ถึงปี ๑๙๒๗ กล่าวโดยพื้นฐานแล้ว  ดำเนินไปภายใต้ผลสะเทือนทางการเมืองและการร่วมมือทางการเมืองที่ชนชั้นกรรมาชีพสากลและชนชั้นกรรมาชีพจีนกับพรรคการเมืองของชนชั้นนี้มีต่อชนชั้นนายทุนชาติของจีนกับพรรคการเมืองของชนชั้นนี้.  แต่ในยามหน้าสิ่วหน้าขวานของการปฏิวัติและสงคราม ก่อนอื่นเนื่องจากชนชั้นนายทุนใหญ่ทรยศ และขณะเดียวกันก็เนื่องจากพวกลัทธิฉวยโอกาสในขบวนปฏิวัติละทิ้งอำนาจการนำปฏิวัติไปเอง สงครามปฏิวัติครั้งนี้จึงได้พ่ายแพ้ไป.
สงครามปฏิวัติที่ดินซึ่งเริ่มตั้งแต่ปี ๑๙๒๗ จนถึงปัจจุบันนี้, ได้ดำเนินไปภายใต้สภาพการณ์ใหม่.  ศัตรูในสงครามมิใช่มีแต่เพียงจักรพรรดินิยมเท่านั้น  หากยังมีพันธมิตรระหว่างชนชั้นนายทุนใหญ่กับเจ้าที่ดินใหญ่ด้วย.  ส่วนชนชั้นนายทุนชาติก็ได้ตามก้นชนชั้นนายทุนใหญ่ไป.  ผู้ที่นำสงครามปฏิวัติครั้งนี้จึงมีพรรคคอมมิวนิสต์แต่พรรคเดียว พรรคคอมมิวนิสต์ได้ก่อรูปอำนาจการนำอันสมบูรณ์ต่อสงครามปฏิวัติขึ้น.  อำนาจการนำอันสัมบูรณ์ของพรรคคอมมิวนิสต์ชนิดนี้ เป็นเงื่อนไขสำคัญที่สุดที่ทำให้สงครามปฏิวัติยืนหยัดไปถึงที่สุด.  หากไม่มีการนำอันสัมบูรณ์ของพรรคคอมมิวนิสต์ชนิดนี้แล้ว ก็ไม่อาจคาดคิดได้ว่า สงครามปฏิวัติจะสามารถมีลักษณะยืนหยัดเช่นนี้ได้.
พรรคคอมมิวนิสต์จีนได้นำสงครามปฏิวัติของจีนอย่างอาจหาญและเด็ดเดี่ยว ในระหว่างวันเวลา ๑๕ ปีอันยาวนาน๓ ได้แสดงให้เห็นต่อหน้าประชาชนจีนทั่วประเทศว่า ตนเป็นมิตรของประชาชน ยืนอยู่แนวหน้าสุดของสงครามปฏิวัติ เพื่อคุ้มครองผลประโยชน์ของประชาชน เพื่ออิสรภาพและการปลดแอกของประชาชนอยู่ทุกวันเวลา.
พรรคคอมมิวนิสต์จีนได้แสดงบทบาทอันยิ่งใหญ่ในการให้การศึกษาแก่คนหลายร้อยล้านทั่วทั้งประชาชาติ ด้วยประสบการณ์แห่งการต่อสู้อันลำบากยากเข็ญของตนเองและด้วยการหลั่งเลือดและเสียสละชีวิตของสมาชิกพรรคที่องอาจกล้าหาญหลายแสนคนและของผู้ปฏิบัติงานที่องอาจกล้าหาญหลายหมื่นคน.  ความสำเร็จทางประวัติศาสตร์อันยิ่งใหญ่ของพรรคคอมมิวนิสต์จีนในการต่อสู้ปฏิวัติ  ทำให้ประเทศจีนซึ่งทุกวันนี้กำลังอยู่ในยามหน้าสิ่วหน้าขวานที่ถูกศัตรูของประชาชาติรุกรานนั้นมีเงื่อนไขที่จะกอบกู้ประเทศชาติให้ดำรงคงอยู่ได้ เงื่อนไขนี้ก็คือได้มีผู้ทำหน้าที่นำทางการเมืองที่ได้รับความไว้วางใจจากประชาชนส่วนใหญ่ และได้รับการคัดเลือดโดยผ่านการทดสอบจากประชาชนมาเป็นเวลานาน.  ทุกวันนี้  คำพูดของพรรคคอมมิวนิสต์ ประชาชนรับได้ง่ายกว่าคำพูดของพรรคการเมืองอื่นใดทั้งสิ้น.  ถ้าไม่มีการต่อสู้อย่างลำบากยากเข็ญของพรรคคอมมิวนิสต์จีนในระหว่าง ๑๕ ปีที่ผ่านมาแล้ว การที่จะกอบกู้ประเทศชาติให้พ้นจากภัยแห่งความล่มจมครั้งใหม่นั้นย่อมเป็นไปไม่ได้.
ในสงครามปฏิวัตินอกจากได้ทำผิดพลาดสองประการในลัทธิฉวยโอกาสเอียงขวาของเฉินตู๋ซิ่ว๔ และลัทธิฉวยโอกาสเอียง “ซ้าย” ของหลี่ลี่ซาน๕ แล้ว พรรคคอมมิวนิสต์จีนยังได้ทำความผิดพลาดสองประการดังต่อไปนี้: ประการแรก คือลัทธิฉวยโอกาสเอียง “ซ้าย” ระหว่างปี ๑๙๓๑ ถึงปี ๑๙๓๔๖  ความผิดพลาดนี้ทำให้สงครามปฏิวัติที่ดินได้รับความเสียหายร้ายแรงที่สุด  ยังผลให้การต้าน “การล้อมปราบ” ครั้งที่ ๕ ไม่อาจรบชนะข้าศึกได้  ตรงกันข้ามกลับเสียฐานที่มั่นไปและบั่นทอนกำลังกองทัพแดงลง.  ความผิดพลาดนี้ได้รับการแก้ไขในที่ประชุมขยายวงของกรมการเมืองคณะกรรมการกลางที่จุนยี่เมื่อเดือนมกราคม ปี ๑๙๓๕.  ประการที่สอง คือลัทธิฉวยโอกาสเอียงขวาของจางกว๋อเถา๗  ระหว่างปี ๑๙๓๕ ถึงปี ๑๙๓๖ ความผิดพลาดนี้ได้ขยายตัวออกไปจนถึงขั้นทำลายวินัยของพรรคและกองทัพแดง และทำให้กำลังหลักของกองทัพแดงส่วนหนึ่งได้รับความเสียหายอย่างร้ายแรง;  แต่เนื่องจากการนำอันถูกต้องของศูนย์กลางและความตื่นตัวของสมาชิกพรรค ผู้บังคับบัญชาและพลรบในกองทัพแดง ในที่สุดจึงได้แก้ความผิดพลาดนี้ไปได้เช่นกัน.  ความผิดพลาดทั้งหมดนี้ แน่นอนไม่เป็นผลดีแก่พรรคเรา แก่การปฏิวัติและสงครามของเรา แต่ในที่สุดก็ถูกเราขจัดไป พรรคเราและกองทัพแดงของเราก็ได้รับการหล่อหลอมจนแข็งแกร่งยิ่งขึ้นจากการขจัดความผิดพลาดเหล่านี้.
พรรคคอมมิวนิสต์จีนได้นำและยังนำสงครามปฏิวัติอันครึกโครม มีเกียรติและมีชัยอยู่ต่อไป.  สงครามนี้ไม่เพียงแต่เป็นธงชัยแห่งการปลดแอกประเทศจีนเท่านั้น  หากยังมีความหมายที่ปฏิวัติทางสากลอีกด้วย.  สายตาของประชาชนปฏิวัติทั่วโลกต่างกำลังจ้องมองเราอยู่.  ในขั้นสงครามปฏิวัติประชาชาติต่อต้านญี่ปุ่นขั้นใหม่นี้ เราจะนำการปฏิวัติของจีนไปสู่ความสำเร็จลุล่วง และจะส่งผลสะเทือนอันลึกซึ้งให้แก่การปฏิวัติของตะวันออกและของโลกด้วย.  สงครามปฏิวัติในอดีตได้พิสูจน์ให้เห็นว่า  เราไม่เพียงแต่ต้องการแนวทางการเมืองอันถูกต้องที่เป็นลัทธิมาร์กซเท่านั้น หากยังต้องการแนวทางการทหารอันถูกต้องที่เป็นลัทธิมาร์กซด้วย.  การปฏิวัติและสงครามใน ๑๕ ปีได้หล่อหลอมแนวทางการเมืองและการทหารเช่นนี้ออกมาแล้ว.  เราเชื่อว่า ต่อแต่นี้ไปขั้นใหม่ของสงครามจะทำให้แนวทางนี้ขยายตัว บริบูรณ์และอุดมสมบูรณ์ยิ่งขึ้นตามสภาพแวดล้อมใหม่  จนบรรลุจุดมุ่งหมายในการพิชิตศัตรูของประชาชาติ.  ประวัติศาสตร์บอกแก่เราว่า แนวทางการเมืองและการทหารที่ถูกต้องนั้น มิใช่ว่าจะเกิดขึ้นและขยายตัวไปอย่างเป็นไปเองและอย่างสงบ หากเกิดขึ้นและขยายตัวไปท่ามกลางการต่อสู้.  ด้านหนึ่ง จะต้องต่อสู้กับลัทธิฉวยโอกาสเอียง “ซ้าย” อีกด้านหนึ่ง จะต้องต่อสู้กับลัทธิฉวยโอกาสเอียงขวาด้วย.  ถ้าไม่ต่อสู้กับความโน้มเอียงอันเป็นภัยซึ่งทำความเสียหายแก่การปฏิวัติและสงครามปฏิวัติเหล่านี้ และไม่ขจัดมันให้ถึงที่สุดแล้ว  การสร้างแนวทางที่ถูกต้องและการได้ชัยชนะในสงครามปฏิวัติย่อมเป็นไปไม่ได้.  การที่ข้าพเจ้าได้เอ่ยถึงความเห็นด้านผิดพลาดอยู่บ่อย ๆ ในหนังสือเล่มเล็กนี้, ก็ด้วยจุดมุ่งหมายนี้เอง.
 
 
 

 

บทที่ ๒

พรรคคอมมิวนิสต์จีนกับสงครามปฏิวัติของจีน

 

          สงครามปฏิวัติของจีนซึ่งเริ่มตั้งแต่ปี ๑๙๒๔ นั้น ได้ผ่านพ้นไปแล้ว ๒ ขั้น คือขั้นปี ๑๙๒๔ ถึงปี ๑๙๒๗ และขั้นปี ๑๙๒๗ ถึงปี ๑๙๓๖; ต่อแต่นี้ไปเป็นขั้นสงครามปฏิวัติประชาชาติต่อต้านญี่ปุ่น.  สงครามปฏิวัติทั้ง ๓ ขั้นนี้ล้วนแต่นำโดยชนชั้นกรรมาชีพจีนกับพรรคการเมืองของชนชั้นนี้อันได้แก่พรรคคอมมิวนิสต์จีน.  ศัตรูตัวเอกในสงครามปฏิวัติของจีนคือจักรพรรดินิยมและอิทธิพลศักดินา.  แม้ว่าชนชั้นนายทุนจีนอาจเข้าร่วมสงครามปฏิวัติได้ในบางโอกาสของประวัติศาสตร์ แต่เนื่องจากมีความเห็นแก่ตัวและขาดความเป็นอิสระในทางการเมืองและในทางเศรษฐกิจ ชนชั้นนี้จึงไม่ยินดีและก็ไม่สามารถที่จะนำสงครามปฏิวัติของจีนให้ก้าวไปสู่หนทางแห่งความมีชัยถึงที่สุดได้.  มวลชนชาวนาและมวลชนชั้นนายทุนน้อยในเมืองของจีนยินดีที่จะเข้าร่วมสงครามปฏิวัติอย่างแข็งขัน และยินดีที่จะให้สงครามได้รับชัยชนะถึงที่สุด.  พวกเขาเป็นกองกำลังหลักในสงครามปฏิวัติ; แต่ว่าลักษณะพิเศษของการผลิตขนาดเล็กของพวกเขา ทำให้สายตาการเมืองของพวกเขาถูกจำกัด (ส่วนมวลชนที่ว่างงานส่วนหนึ่งมีความคิดอนาธิปไตย), ฉะนั้น พวกเขาจึงไม่อาจเป็นผู้ทำหน้าที่นำที่ถูกต้องในสงครามได้.  ด้วยเหตุนี้ ในยุคที่ชนชั้นกรรมาชีพได้ก้าวขึ้นสู่เวทีการเมืองแล้ว หน้าที่ในการนำสงครามปฏิวัติของจีนจึงตกอยู่บนบ่าของพรรคคอมมิวนิสต์จีนอย่างหลีกเลี่ยงไม่พ้น.  ในเวลาเช่นนี้ สงครามปฏิวัติใด ๆ ถ้าไม่มีหรือฝ่าฝืนการนำของชนชั้นกรรมาชีพและพรรคคอมมิวนิสต์ สงครามนั้น ๆ ก็จะพ่ายแพ้อย่างแน่นอน  เพราะว่าในบรรดาชั้นชนและกลุ่มการเมืองต่าง ๆ ของสังคมประเทศจีนซึ่งเป็นกึ่งเมืองขึ้นนั้น มีแต่ชนชั้นกรรมาชีพและพรรคคอมมิวนิสต์เท่านั้นที่ไม่มีลักษณะคับแคบและไม่มีลักษณะเห็นแก่ตัวที่สุด มีสายตาการเมืองอันยาวไกลที่สุด และมีลักษณะจัดตั้งดีที่สุด  และทั้งสามารถรับเอาความจัดเจนของชนชั้นกรรมาชีพอันเป็นชนชั้นที่ก้าวหน้าในโลกกับพรรคการเมืองของชนชั้นนี้มาใช้ในภารกิจของตนอย่างน้อมใจที่สุด.  ด้วยเหตุนี้ จึงมีแต่ชนชั้นกรรมาชีพและพรรคคอมมิวนิสต์เท่านั้นที่สามารถนำชาวนา ชนชั้นนายทุนน้อยในเมืองและชนชั้นนายทุน เอาชนะลักษณะคับแคบของชาวนาและชนชั้นนายทุนน้อย เอาชนะลักษณะบ่อนทำลายของหมู่คนว่างงานได้  และทั้งสามารถเอาชนะลักษณะโลเลและไม่ถึงที่สุดของชนชั้นนายทุนได้ (ถ้านโยบายของพรรคคอมมิวนิสต์ไม่ผิดพลาด) ทำให้การปฏิวัติและสงครามก้าวไปสู่หนทางแห่งชัยชนะ. 

           สงครามปฏิวัติระหว่างปี ๑๙๒๔ ถึงปี ๑๙๒๗ กล่าวโดยพื้นฐานแล้ว  ดำเนินไปภายใต้ผลสะเทือนทางการเมืองและการร่วมมือทางการเมืองที่ชนชั้นกรรมาชีพสากลและชนชั้นกรรมาชีพจีนกับพรรคการเมืองของชนชั้นนี้มีต่อชนชั้นนายทุนชาติของจีนกับพรรคการเมืองของชนชั้นนี้.  แต่ในยามหน้าสิ่วหน้าขวานของการปฏิวัติและสงคราม ก่อนอื่นเนื่องจากชนชั้นนายทุนใหญ่ทรยศ และขณะเดียวกันก็เนื่องจากพวกลัทธิฉวยโอกาสในขบวนปฏิวัติละทิ้งอำนาจการนำปฏิวัติไปเอง สงครามปฏิวัติครั้งนี้จึงได้พ่ายแพ้ไป.

สงครามปฏิวัติที่ดินซึ่งเริ่มตั้งแต่ปี ๑๙๒๗ จนถึงปัจจุบันนี้, ได้ดำเนินไปภายใต้สภาพการณ์ใหม่.  ศัตรูในสงครามมิใช่มีแต่เพียงจักรพรรดินิยมเท่านั้น  หากยังมีพันธมิตรระหว่างชนชั้นนายทุนใหญ่กับเจ้าที่ดินใหญ่ด้วย.  ส่วนชนชั้นนายทุนชาติก็ได้ตามก้นชนชั้นนายทุนใหญ่ไป.  ผู้ที่นำสงครามปฏิวัติครั้งนี้จึงมีพรรคคอมมิวนิสต์แต่พรรคเดียว พรรคคอมมิวนิสต์ได้ก่อรูปอำนาจการนำอันสมบูรณ์ต่อสงครามปฏิวัติขึ้น.  อำนาจการนำอันสัมบูรณ์ของพรรคคอมมิวนิสต์ชนิดนี้ เป็นเงื่อนไขสำคัญที่สุดที่ทำให้สงครามปฏิวัติยืนหยัดไปถึงที่สุด.  หากไม่มีการนำอันสัมบูรณ์ของพรรคคอมมิวนิสต์ชนิดนี้แล้ว ก็ไม่อาจคาดคิดได้ว่า สงครามปฏิวัติจะสามารถมีลักษณะยืนหยัดเช่นนี้ได้. 

           พรรคคอมมิวนิสต์จีนได้นำสงครามปฏิวัติของจีนอย่างอาจหาญและเด็ดเดี่ยว ในระหว่างวันเวลา ๑๕ ปีอันยาวนาน ได้แสดงให้เห็นต่อหน้าประชาชนจีนทั่วประเทศว่า ตนเป็นมิตรของประชาชน ยืนอยู่แนวหน้าสุดของสงครามปฏิวัติ เพื่อคุ้มครองผลประโยชน์ของประชาชน เพื่ออิสรภาพและการปลดแอกของประชาชนอยู่ทุกวันเวลา. 

           พรรคคอมมิวนิสต์จีนได้แสดงบทบาทอันยิ่งใหญ่ในการให้การศึกษาแก่คนหลายร้อยล้านทั่วทั้งประชาชาติ ด้วยประสบการณ์แห่งการต่อสู้อันลำบากยากเข็ญของตนเองและด้วยการหลั่งเลือดและเสียสละชีวิตของสมาชิกพรรคที่องอาจกล้าหาญหลายแสนคนและของผู้ปฏิบัติงานที่องอาจกล้าหาญหลายหมื่นคน.  ความสำเร็จทางประวัติศาสตร์อันยิ่งใหญ่ของพรรคคอมมิวนิสต์จีนในการต่อสู้ปฏิวัติ  ทำให้ประเทศจีนซึ่งทุกวันนี้กำลังอยู่ในยามหน้าสิ่วหน้าขวานที่ถูกศัตรูของประชาชาติรุกรานนั้นมีเงื่อนไขที่จะกอบกู้ประเทศชาติให้ดำรงคงอยู่ได้ เงื่อนไขนี้ก็คือได้มีผู้ทำหน้าที่นำทางการเมืองที่ได้รับความไว้วางใจจากประชาชนส่วนใหญ่ และได้รับการคัดเลือดโดยผ่านการทดสอบจากประชาชนมาเป็นเวลานาน.  ทุกวันนี้  คำพูดของพรรคคอมมิวนิสต์ ประชาชนรับได้ง่ายกว่าคำพูดของพรรคการเมืองอื่นใดทั้งสิ้น.  ถ้าไม่มีการต่อสู้อย่างลำบากยากเข็ญของพรรคคอมมิวนิสต์จีนในระหว่าง ๑๕ ปีที่ผ่านมาแล้ว การที่จะกอบกู้ประเทศชาติให้พ้นจากภัยแห่งความล่มจมครั้งใหม่นั้นย่อมเป็นไปไม่ได้. 

           ในสงครามปฏิวัตินอกจากได้ทำผิดพลาดสองประการในลัทธิฉวยโอกาสเอียงขวาของเฉินตู๋ซิ่ว และลัทธิฉวยโอกาสเอียง “ซ้าย” ของหลี่ลี่ซาน แล้ว พรรคคอมมิวนิสต์จีนยังได้ทำความผิดพลาดสองประการดังต่อไปนี้: ประการแรก คือลัทธิฉวยโอกาสเอียง “ซ้าย” ระหว่างปี ๑๙๓๑ ถึงปี ๑๙๓๔  ความผิดพลาดนี้ทำให้สงครามปฏิวัติที่ดินได้รับความเสียหายร้ายแรงที่สุด  ยังผลให้การต้าน “การล้อมปราบ” ครั้งที่ ๕ ไม่อาจรบชนะข้าศึกได้  ตรงกันข้ามกลับเสียฐานที่มั่นไปและบั่นทอนกำลังกองทัพแดงลง.  ความผิดพลาดนี้ได้รับการแก้ไขในที่ประชุมขยายวงของกรมการเมืองคณะกรรมการกลางที่จุนยี่เมื่อเดือนมกราคม ปี ๑๙๓๕.  ประการที่สอง คือลัทธิฉวยโอกาสเอียงขวาของจางกว๋อเถา  ระหว่างปี ๑๙๓๕ ถึงปี ๑๙๓๖ ความผิดพลาดนี้ได้ขยายตัวออกไปจนถึงขั้นทำลายวินัยของพรรคและกองทัพแดง และทำให้กำลังหลักของกองทัพแดงส่วนหนึ่งได้รับความเสียหายอย่างร้ายแรง;  แต่เนื่องจากการนำอันถูกต้องของศูนย์กลางและความตื่นตัวของสมาชิกพรรค ผู้บังคับบัญชาและพลรบในกองทัพแดง ในที่สุดจึงได้แก้ความผิดพลาดนี้ไปได้เช่นกัน.  ความผิดพลาดทั้งหมดนี้ แน่นอนไม่เป็นผลดีแก่พรรคเรา แก่การปฏิวัติและสงครามของเรา แต่ในที่สุดก็ถูกเราขจัดไป พรรคเราและกองทัพแดงของเราก็ได้รับการหล่อหลอมจนแข็งแกร่งยิ่งขึ้นจากการขจัดความผิดพลาดเหล่านี้. 

           พรรคคอมมิวนิสต์จีนได้นำและยังนำสงครามปฏิวัติอันครึกโครม มีเกียรติและมีชัยอยู่ต่อไป.  สงครามนี้ไม่เพียงแต่เป็นธงชัยแห่งการปลดแอกประเทศจีนเท่านั้น  หากยังมีความหมายที่ปฏิวัติทางสากลอีกด้วย.  สายตาของประชาชนปฏิวัติทั่วโลกต่างกำลังจ้องมองเราอยู่.  ในขั้นสงครามปฏิวัติประชาชาติต่อต้านญี่ปุ่นขั้นใหม่นี้ เราจะนำการปฏิวัติของจีนไปสู่ความสำเร็จลุล่วง และจะส่งผลสะเทือนอันลึกซึ้งให้แก่การปฏิวัติของตะวันออกและของโลกด้วย.  สงครามปฏิวัติในอดีตได้พิสูจน์ให้เห็นว่า  เราไม่เพียงแต่ต้องการแนวทางการเมืองอันถูกต้องที่เป็นลัทธิมาร์กซเท่านั้น หากยังต้องการแนวทางการทหารอันถูกต้องที่เป็นลัทธิมาร์กซด้วย.  การปฏิวัติและสงครามใน ๑๕ ปีได้หล่อหลอมแนวทางการเมืองและการทหารเช่นนี้ออกมาแล้ว.  เราเชื่อว่า ต่อแต่นี้ไปขั้นใหม่ของสงครามจะทำให้แนวทางนี้ขยายตัว บริบูรณ์และอุดมสมบูรณ์ยิ่งขึ้นตามสภาพแวดล้อมใหม่  จนบรรลุจุดมุ่งหมายในการพิชิตศัตรูของประชาชาติ.  ประวัติศาสตร์บอกแก่เราว่า แนวทางการเมืองและการทหารที่ถูกต้องนั้น มิใช่ว่าจะเกิดขึ้นและขยายตัวไปอย่างเป็นไปเองและอย่างสงบ หากเกิดขึ้นและขยายตัวไปท่ามกลางการต่อสู้.  ด้านหนึ่ง จะต้องต่อสู้กับลัทธิฉวยโอกาสเอียง “ซ้าย” อีกด้านหนึ่ง จะต้องต่อสู้กับลัทธิฉวยโอกาสเอียงขวาด้วย.  ถ้าไม่ต่อสู้กับความโน้มเอียงอันเป็นภัยซึ่งทำความเสียหายแก่การปฏิวัติและสงครามปฏิวัติเหล่านี้ และไม่ขจัดมันให้ถึงที่สุดแล้ว  การสร้างแนวทางที่ถูกต้องและการได้ชัยชนะในสงครามปฏิวัติย่อมเป็นไปไม่ได้. การที่ข้าพเจ้าได้เอ่ยถึงความเห็นด้านผิดพลาดอยู่บ่อย ๆ ในหนังสือเล่มเล็กนี้, ก็ด้วยจุดมุ่งหมายนี้เอง.