ตอนที่ ๒
ลักษณะพิเศษแห่งสงครามปฏิวัติของจีนคืออะไร
ถ้าเช่นนั้น ลักษณะพิเศษแห่งสงครามปฏิวัติของจีนคืออะไร?
ข้าพเจ้าเห็นว่า มีลักษณะพิเศษที่สำคัญอยู่ ๔ ประการ.
ลักษณะพิเศษประการที่ ๑ ประเทศจีนเป็นประเทศใหญ่ ที่เป็นกึ่งเมืองขึ้นซึ่งการพัฒนาทางการเมืองและเศรษฐกิจไม่สม่ำเสมอ และได้ผ่านการปฏิวัติระหว่างปี ๑๙๒๔ ถึงปี ๑๙๒๗ มาแล้วด้วย.
ลักษณะพิเศษนี้ชี้ให้เห็นว่า สงครามปฏิวัติของจีนมีความเป็นไปได้ที่จะคลี่คลายขยายตัวและได้ชัยชนะ. ในระหว่างฤดูหนาวปี ๑๙๒๗ ถึงฤดูใบไม้ผลิปี ๑๙๒๘ ซึ่งเป็นเวลาที่สงครามจรยุทธ์ของจีนเกิดขึ้นไม่นาน สหายของเราบางคนที่เขาจิ่งกังซานในเขตแดนต่อแดนหูหนาน-กังไสได้ตั้งข้อสงสัยว่า “ธงแดงจะชูอยู่ได้นานสักเท่าไร?” เราก็ได้ชี้ลักษณะพิเศษนี้ออกมาแล้ว (ในที่ประชุมสมัชชาผู้แทนพรรคเขตแดนต่อแดนหูหนาน-กังไสครั้งที่ ๑๑๑). เพราะว่าปัญหานี้เป็นปัญหาพื้นฐานที่สุด ถ้าไม่ตอบปัญหาที่ว่าฐานที่มั่นปฏิวัติของจีนและกองทัพแดงของจีนจะสามารถดำรงอยู่และขยายตัวไปได้หรือไม่แล้ว เราก็จะไม่สามารถก้าวไปข้างหน้าแม้แต่ก้าวเดียว. สมัชชาผู้แทนทั่วประเทศของพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศจีนครั้งที่ ๖ ปี ๑๙๒๘ ได้ตอบปัญหานี้อีกครั้งหนึ่ง. แต่นั้นมา การเคลื่อนไหวปฏิวัติของจีนก็มีรากฐานทางทฤษฎีที่ถูกต้อง.
บัดนี้เรามาแยกแยะปัญหานี้ดูสักหน่อย:
การพัฒนาทางการเมืองและเศรษฐกิจของจีนไม่สม่ำเสมอ—เศรษฐกิจทุนนิยมที่อ่อนแอกับเศรษฐกิจกึ่งศักดินาที่หนาแน่นดำรงอยู่พร้อมกัน เมืองอุตสาหกรรม-พาณิชยกรรมสมัยใหม่จำนวนหนึ่งกับชนบทอันกว้างใหญ่ไพศาลที่หยุดนิ่งดำรงอยู่พร้อมกัน กรรมกรอุตสาหกรรมหลายล้านคนกับชาวนาและกรรมกรหัตถกรรมภายใต้การปกครองของระบอบเก่าหลายร้อยล้านคนดำรงอยู่พร้อมกัน ขุนศึกใหญ่ที่ควบคุมรัฐบาลกลางกับขุนศึกเล็กที่ควบคุมมณฑลต่าง ๆ ดำรงอยู่พร้อมกัน ในกองทัพปฏิกิริยามีส่วนที่ขึ้นต่อเจียงไคเช็คซึ่งเรียกว่ากองทัพส่วนกลางกับส่วนที่ขึ้นต่อขุนศึกมณฑลต่าง ๆ ซึ่งเรียกว่ากองทหารจับฉ่ายสองส่วนนี้ดำรงอยู่พร้อมกัน ทางรถไฟ สายการเดินเรือและทางรถยนต์ซึ่งมีอยู่จำนวนหนึ่งกับทางรถล้อเดียว ทางที่ได้แต่เดินด้วยเท้าและทางที่ถึงจะเดินด้วยเท้าก็ยังเดินลำบากซึ่งมีอยู่ทั่วไปดำรงอยู่พร้อมกัน.
ประเทศจีนเป็นประเทศกึ่งเมืองขึ้น—ความไม่เป็นอันหนึ่งอันเดียวกันในหมู่จักรพรรดินิยม ส่งผลสะเทือนให้เกิดความไม่เป็นอันหนึ่งอันเดียวกันในหมู่กลุ่มปกครองต่าง ๆ ของจีน. ประเทศกึ่งเมืองขึ้นที่ครอบงำโดยหลาย ๆ ประเทศกับเมืองขึ้นที่ครอบงำโดยประเทศเดียวนั้นย่อมแตกต่างกัน.
ประเทศจีนเป็นประเทศใหญ่—“ตะวันออกไม่สว่างตะวันตกสว่าง ถึงทิศใต้จะมืดลงก็ยังมีทิศเหนือ” ไม่ต้องวิตกว่าจะไม่มีที่สำหรับเป็นทางหนีทีไล่.
ประเทศจีนได้ผ่านการปฏิวัติครั้งใหญ่มาครั้งหนึ่งแล้ว—ได้เตรียมเมล็ดพันธุ์ของกองทัพแดงไว้พร้อมแล้ว ได้เตรียมผู้นำกองทัพแดงคือพรรคคอมมิวนิสต์ไว้พร้อมแล้ว และก็ได้เตรียมมวลชนที่เคยเข้าร่วมการปฏิวัติมาครั้งหนึ่งไว้พร้อมแล้วด้วย.
เพราะฉะนั้น เราจึงกล่าวว่า ประเทศจีนเป็นประเทศใหญ่ที่เป็นกึ่งเมืองขึ้นซึ่งการพัฒนาทางการเมืองและเศรษฐกิจไม่สม่ำเสมอ และได้ผ่านการปฏิวัติมาครั้งหนึ่งแล้ว นี่เป็นลักษณะพิเศษษประการที่ ๑ ของสงครามปฏิวัติของจีน. ลักษณะพิเศษนี้ไม่เพียงแต่ได้กำหนดยุทธศาสตร์และยุทธวิธีทางการเมืองของเราโดยพื้นฐานเท่านั้น หากยังได้กำหนดยุทธศาสตร์และยุทธวิธีทางการทหารของเราโดยพื้นฐานอีกด้วย.
ลักษณะพิเศษประการที่ ๒ คือ ความเข้มแข็งและใหญ่โตของศัตรู.
สภาพการณ์ของก๊กมินตั๋งศัตรูของกองทัพแดงเป็นอย่างไร? ก๊กมินตั๋งเป็นพรรคที่ได้ยึดอำนาจรัฐไว้แล้ว ทั้งได้ทำให้อำนาจรัฐของตนมีเสถียรภาพอย่างสัมพัทธ์. มันได้รับความสนับสนุนช่วยเหลือจากประเทศปฏิปักษ์ปฏิวัติสำคัญ ๆ ทั่วโลก. พรรคนี้ได้ดัดแปลงกองทัพของตน—ดัดแปลงจนแตกต่างกับกองทัพในยุคประวัติศาสตร์ใด ๆ ของจีน แต่เหมือนกับกองทัพของประเทศสมัยใหม่ในโลกนี้โดยส่วนใหญ่ การสนองอาวุธและยุทธปัจจัยอื่น ๆ ก็อุดมสมบูรณ์กว่ากองทัพแดงมาก และทั้งจำนวนทหารในกองทัพของมันก็มีมากมายเกินกว่ากองทัพในยุคประวัติศาสตร์ใด ๆ ของจีน และก็เกินกว่ากองทัพประจำของประเทศใด ๆ ในโลก. กองทัพนี้ต่างกับกองทัพแดงราวฟ้ากับดินเสียจริง ๆ. ก๊กมินตั๋งได้ควบคุมศูนย์กลางหรือเส้นชีวิตในทางการเมือง เศรษฐกิจ คมนาคมและวัฒนธรรมทั่วประเทศจีน อำนาจรัฐของมันเป็นอำนาจรัฐที่มีลักษณะทั่วประเทศ.
กองทัพแดงของจีนเผชิญหน้ากับศัตรูที่เข้มแข็งและใหญ่โตเช่นนี้. นี่คือลักษณะพิเศษประการที่ ๒ ของสงครามปฏิวัติของจีน. ลักษณะพิเศษประการนี้ทำให้การทำการรบของกองทัพแดงจำเป็นต้องมีหลายอย่างที่แตกต่างกับสงครามทั่วไป, ตลอดจนสงครามกลางเมืองของสหภาพโซเวียตและสงครามปราบขุนศึกภาคเหนือ.
ลักษณะพิเศษประการที่ ๓ คือ ความอ่อนและเล็กของกองทัพแดง.
กองทัพแดงของจีนได้เกิดขึ้นภายหลังที่การปฏิวัติใหญ่ครั้งแรกได้พ่ายแพ้ไปแล้วโดยเริ่มต้นจากกองจรยุทธ์ ซึ่งไม่เพียงแต่อยู่ในสมัยปฏิกิริยาของประเทศจีนเท่านั้น หากยังอยู่ในสมัยที่ประเทศทุนนิยมปฏิกิริยาในโลกค่อนข้างจะมีเสถียรภาพในทางการเมืองและในทางเศรษฐกิจด้วย.
อำนาจรัฐของเราเป็นอำนาจรัฐตามเขตเขาหรือตามเขตทุรกันดารที่กระจัดกระจายและโดดเดี่ยว ไม่ได้รับการช่วยเหลือใด ๆ จากภายนอก. เงื่อนไขทางเศรษฐกิจและเงื่อนไขทางวัฒนธรรมในฐานที่มั่นปฏิวัติ เมื่อเทียบกับในเขตก๊กมินตั๋งแล้ว, ก็ล้าหลังกว่า. ในฐานที่มั่นปฏิวัติมีแต่ชนบทและเมืองเล็ก ๆ. เขตฐานที่มั่นเมื่อเริ่มแรกนั้นเล็กมาก ต่อมาก็ไม่สู้จะใหญ่นัก, ยิ่งกว่านั้น ฐานที่มั่นก็ยังเคลื่อนที่ไม่แน่นอน; กองทัพแดงไม่มีฐานที่มั่นที่มั่นคงจริง ๆ.
จำนวนทหารของกองทัพแดงมีน้อย อาวุธของกองทัพแดงก็ด้อย และการสนองทางวัตถุปัจจัยของกองทัพแดง เช่น เสบียงอาหาร เครื่องนุ่งห่มและผ้าห่มก็ลำบากยากยิ่ง.
ลักษณะพิเศษประการนี้กับลักษณะพิเศษประการก่อนเป็นการเปรียบเทียบที่เด่นชัด. ยุทธศาสตร์และยุทธวิธีของกองทัพแดงก็เกิดขึ้นจากการเปรียบเทียบที่เด่นชัดนี้เอง.
ลักษณะพิเศษประการที่ ๔ คือ การนำของพรรคคอมมิวนิสต์และการปฏิวัติที่ดิน.
ลักษณะพิเศษนี้เป็นผลที่จะต้องเป็นไปของลักษณะพิเศษประการที่ ๑. ลักษณะพิเศษนี้ได้ก่อให้เกิดสภาพขึ้นสองด้าน. ด้านหนึ่ง แม้ว่าสงครามปฏิวัติของจีนจะดำเนินอยู่ในสมัยปฏิกิริยาของประเทศจีนและของโลกทุนนิยมก็ตาม แต่ก็สามารถจะได้ชัยชนะ เพราะว่าสงครามปฏิวัตินี้มีพรรคคอมมิวนิสต์นำอยู่และได้รับการสนับสนุนช่วยเหลือจากชาวนา. แม้ฐานที่มั่นจะเล็ก แต่ก็มีอานุภาพทางการเมืองอันใหญ่หลวง, และได้ตั้งเป็นปรปักษ์กับอำนาจรัฐอันใหญ่โตของก๊กมินตั๋งอย่างไม่หวั่นไหว ทั้งในทางการทหารก็ได้ยังความลำบากมากมายแก่การเข้าตีของก๊กมินตั๋ง ทั้งนี้เพราะเราได้รับการสนับสนุนช่วยเหลือจากชาวนา. แม้กองทัพแดงจะเล็ก แต่ก็มีสมรรถภาพสู้รบอันเข้มแข็ง เพราะว่าผู้คนในกองทัพแดงที่อยู่ภายใต้การนำของพรรคคอมมิวนิสต์นั้นเกิดขึ้นท่ามกลางการปฏิวัติที่ดิน สู้รบเพื่อผลประโยชน์ของตนเอง และในระหว่างผู้บังคับบัญชากับพลรบก็เป็นอันหนึ่งอันเดียวกันในทางการเมือง.
อีกด้านหนึ่ง ก็เป็นการเปรียบเทียบที่เด่นชัดกับก๊กมินตั๋ง. ก๊กมินตั๋งนั้นคัดค้านการปฏิวัติที่ดิน ฉะนั้นจึงไม่ได้รับการสนับสนุนช่วยเหลือจากชาวนา. แม้กองทหารของมันจะมากก็ตาม แต่ไม่สามารถทำให้มวลชนพลทหารและนายทหารชั้นผู้น้อยที่ถือกำเนิดจากผู้ผลิตขนาดเล็กจำนวนมากสู้ตายเพื่อก๊กมินตั๋งอย่างมีสำนึก. นายทหารกับพลทหารไม่ลงรอยกันในทางการเมือง ซึ่งก็ทำให้สมรรถภาพสู้รบของมันลดน้อยลงไป.