มีประเด็นที่น่าสนใจดังนี้
๑. เมื่อวันที่ ๒๘ มิ.ย.๖๒ ประธานาธิบดี สี จิ้นผิง ได้กล่าวสุนทรพจน์ โดยประกาศว่า จีนจะใช้มาตรการสำคัญจำนวนหนึ่งในเร็วๆ นี้ เพื่อเร่งสร้างบรรยากาศใหม่ของการเปิดกว้าง และใช้ความพยายามต่อไปเพื่อการพัฒนาอย่างมีคุณภาพ โดยมีมาตรการสำคัญ ๕ ประการ ได้แก่
(๑) เปิดกว้างมากยิ่งขึ้น
(๒) ขยายการนำเข้าอย่างแข็งขัน
(๓) ปรับปรุงบรรยากาศการประกอบธุรกิจให้ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง
(๔) ดำเนินงานอย่างเต็มที่เพื่อการปฏิบัติอย่างเสมอภาคเท่าเทียม
(๕) ขับเคลื่อนการเจรจาเศรษฐกิจและการค้าอย่างรอบด้าน
๒. เมื่อวันที่ ๒๙ มิ.ย.๖๒ เวลา ๑๑.๕๐ น. ตามเวลาท้องถิ่น ที่นครโอซากา ประเทศญี่ปุ่น ประธานาธิบดี สี จิ้นผิง ประธานาธิบดีจีน ได้เริ่มการเจรจากับ นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดยเน้นว่า เมื่อทบทวนช่วงเวลา ๔๐ ปี นับตั้งแต่จีนและสหรัฐฯ สถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตเป็นต้นมา สถานการณ์ทั่วโลกและความสัมพันธ์จีน-สหรัฐฯ เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างใหญ่หลวง อย่างไรก็ตาม ข้อเท็จจริงพื้นฐานประการหนึ่งไม่เคยเปลี่ยน นั่นก็คือ ความร่วมมือของจีนและสหรัฐฯ จะนำมาซึ่งผลประโยชน์ร่วมกัน ขณะที่การต่อสู้จะทำให้บาดเจ็บทั้งสองฝ่าย ความร่วมมือดีกว่าการตอบโต้ การเจรจาดีกว่าการต่อสู้ ซึ่งจีนยินดีแลกเปลี่ยนความเห็นต่อปัญหาการพัฒนาความสัมพันธ์จีน-สหรัฐฯ เพื่อผลักดันความสัมพันธ์จีน-สหรัฐฯ บนพื้นฐานแห่งความกลมกลืน ความร่วมมือ และความมั่นคง
๓. ข้อสังเกตต่อความเคลื่อนไหวของจีน
๓.๑ ในช่วงการประชุมสุดยอดผู้นำกลุ่ม G20 ผู้นำจีนและผู้นำต่างประเทศจะมีการพบปะเจรจากันทั้งแบบทวิภาคีและพหุภาคี ซึ่งแสดงให้เห็นว่า ผู้นำประเทศต่าง ๆ ให้ความสำคัญกับความเป็นหนึ่งเดียวและความร่วมมือในภูมิภาค ในขณะที่สหรัฐฯ กำลังดำเนินลัทธิฝ่ายเดียวและลัทธิกีดกันการค้า การที่ประเทศต่าง ๆ พิทักษ์ระบบการค้าพหุภาคีและผลักดันเศรษฐกิจโลกแบบเปิดจึงเป็นนัยที่สำคัญยิ่ง ซึ่งสอดรับกับเจตนารมณ์ของจีนในสมุดปกขาวว่าด้วย “จุดยืนของจีนในการปรึกษาหารือทางเศรษฐกิจและการค้าจีน-สหรัฐฯ” ซึ่งออกเผยแพร่เมื่อวันที่ ๒ มิ.ย.๖๒
๓.๒ มาตรการ ๕ ประการที่ประธานาธิบดี สี จิ้นผิง ประกาศเพื่อการเปิดกว้างและการพัฒนาอย่างมีคุณภาพดังกล่าวในข้างตันนั้น รวมถึงการขึ้นบัญชีดำการอนุมัติการการลงทุนจากต่างประเทศ การเปิดกว้างสู่ภายนอกด้านเกษตรกรรม อุตสาหกรรมเหมืองแร่ อุตสาหกรรมการผลิต และการบริการ รวมถึงการจัดตั้งเขตทดลองการค้าเสรีอีก ๖ แห่ง ส่งเสริมและขยายการนำเข้า ลดระดับภาษีศุลกากรให้ต่ำลง และปรับปรุงบรรยากาศการประกอบกิจให้ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง
บทสรุป
แม้ว่า จะมีสัญญาณในเชิงบวกจากการประชุมระหว่างผู้นำจีนและสหรัฐฯ เมื่อวันที่ ๒๙ มิ.ย.๖๒ ซึ่งประธานาธิบดี สี จิ้นผิง และนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีแห่งสหรัฐฯ ต่างเห็นด้วยต่อการฟื้นฟูการเจรจาทางการค้าบนพื้นฐานความเสมอภาคและให้ความเคารพต่อกันนั้น โดยเฉพาะการที่สหรัฐฯ ให้ความสำคัญกับข้อกังกลของจีนต่อปัญหาไต้หวัน ทั้งนี้ สหรัฐฯ จะยืนหยัดนโยบายจีนเดียว และสหรัฐฯ จะไม่เก็บภาษีศุลกากรสินค้านำเข้าจากจีนเพิ่มอีก ซึ่งหลังจากนี้ ทีมงานการเจรจาการค้าของสองประเทศจะเริ่มหารือเกี่ยวกับปัญหาที่เป็นรูปธรรมต่อไปก็ตาม แต่การเจรจาแก้ไขปัญหาทางการค้าก็ยังไม่อาจยุติลงได้ในเร็ววัน ตราบเท่าที่สหรัฐฯ ยังคงหวาดระแวงจีนในการพัฒนาเศรษฐกิจและความก้าวหน้าด้านเทคโนโลยี รวมทั้งสหรัฐฯ ยังคงจุดยืนการเป็นอภิมหาอำนาจเพียงหนึ่งเดียวในการจัดระเบียบโลกอยู่อีกต่อไป
ประมวลโดย พลตรี ไชยสิทธิ์ ตันตยกุล
ข้อมูลจาก
http://en.people.cn/n3/2019/0629/c90000-9592676.html
http://thai.cri.cn/20190628/244f3664-6d6a-fd1f-c290-7132c4e0be40.html
http://thai.cri.cn/20190629/4e07aab9-f27e-1520-9fdf-6b1a1becf3be.html
http://thai.cri.cn/20190629/2658cc95-13ef-350d-460f-5c9dc6e87fc3.html
http://thai.cri.cn/20190628/be8f5e91-693d-5891-d4b4-c1f1ce2cc1dd.html
http://thai.cri.cn/20190629/2eca1b6e-157f-7584-ff84-ab14e34f6848.html
http://thai.cri.cn/20190628/76e4b108-e5e2-5b8f-2768-57e9c41e4bf4.html
http://thai.cri.cn/20190602/2f5c39de-5a37-3e97-c3a7-696c8ff37074.html