การเข้าร่วมการประชุมเศรษฐกิจตะวันออก ครั้งที่ ๔ ของประธานาธิบดี สี จิ้นผิง ระหว่างวันที่ ๑๑ – ๑๒ ก.ย.๖๑ ที่ประเทศรัสเซีย ถือเป็นการเสริมแรงกระตุ้นใหม่ให้กับความสัมพันธ์ระหว่างจีน-รัสเซีย และเป็นการเปิดอนาคตใหม่ให้กับความร่วมมือในภูมิภาค อันจะส่งผลกระทบต่อการจัดระเบียบโลกใหม่ในอนาคต ซึ่งมีประเด็นที่น่าสนใจดังนี้
๑. การที่ประธานาธิบดี สี จิ้นผิง ได้เดินทางเข้าร่วมการประชุมเศรษฐกิจตะวันออกในครั้งนี้ ตามคำเชิญของประธานาธิบดี วลาดิเมียร์ ปูติน โดยถือเป็นครั้งแรกที่ผู้นำของจีนเดินทางไปเข้าร่วมการประชุม และเป็นการพบหารือระหว่างผู้นำจีน-รัสเซียครั้งสำคัญที่สุดในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ ที่ได้นำไปสู่การกำหนดแผนการพัฒนาความสัมพันธ์ระหว่างจีน-รัสเซียในยุคใหม่ อีกทั้งร่วมมือกับฝ่ายต่าง ๆ ในเอเชียตะวันออกเฉียงเหนือ ซึ่งได้มีการอภิปรายแผนการพัฒนาและสันติภาพในภูมิภาค โดยผู้เชี่ยวชาญและนักวิชาการต่างประเทศ เช่น รัสเซีย ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ และมองโกเลีย ที่ต่างเห็นว่า การเข้าร่วมการประชุมของประธานาธิบดี สี จิ้นผิง ในครั้งนี้ นอกจากจะเป็นการเสริมแรงกระตุ้นใหม่ให้กับความสัมพันธ์ระหว่างจีน-รัสเซีย และถือเป็นการเปิดอนาคตใหม่ให้กับความร่วมมือในภูมิภาคแล้ว ยังได้นำไปสู่การพัฒนาความร่วมมือที่เป็นรูปธรรมระหว่างสองประเทศ โดยเฉพาะแผนปฏิบัติการเชื่อมต่อเชิงยุทธศาสตร์การพัฒนาสหพันธ์เศรษฐกิจยุโรป-เอเชีย และการร่วมกันพัฒนา "หนึ่งแถบ หนึ่งเส้นทาง" หรือ BRI (Belt and Road Initiative)
๒. บรรดานักวิชาการและผู้เชี่ยวชาญกิจการระหว่างประเทศ ต่างเห็นว่าการเข้าร่วมการประชุมของประธานาธิบดี สี จิ้นผิง ในครั้งนี้ ได้ก่อให้เกิดการผลักดันการพัฒนาความร่วมมือที่เป็นรูปธรรมมากยิ่งขึ้น กล่าวคือ
๒.๑ นายอันเดร โอสตรอฟสกี รองผู้อำนวยการสถาบันวิจัยตะวันออกไกล สภาวิทยาศาสตร์รัสเซีย กล่าวว่า การพบปะระหว่างผู้นำรัสเซียและจีน จะส่งเสริมการพัฒนาความสัมพันธ์ด้านต่าง ๆ ระหว่างสองประเทศ โดยเฉพาะจะกระตุ้นให้ความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจและการค้าแบบพหุภาคีก้าวไปสู่ระดับใหม่ ใช้การพัฒนา "หนึ่งแถบ หนึ่งเส้นทาง" หรือ BRI จะทำให้รัสเซียสามารถส่งเสริมตัวเองโดยเฉพาะเขตตะวันออกไกลให้ปรับปรุงสิ่งอำนวยความสะดวกขั้นพื้นฐาน รวมทั้งสร้างเงื่อนไขที่ความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจและการค้าระหว่างรัสเซีย-จีนได้รับการพัฒนาอย่างเพียงพอ
๒.๒ นายฮิเดโตซิ ทาซิโร นักเศรษฐศาสตร์ญี่ปุ่น กล่าวว่า ประเทศต่าง ๆ ในเอเชียตะวันออกเฉียงเหนือควรส่งเสริมความร่วมมือซึ่งเป็นผลดีต่อความมั่นคงและความเจริญรุ่งเรืองของภูมิภาค การร่วมมือของญี่ปุ่น-จีนภายในภูมิภาค จะสามารถสร้างความสัมพันธ์ที่ได้รับประโยชน์ทั้งสองฝ่าย
๒.๓ นางอัน ยู-ฮวา ศาสตราจารย์ด้านการเงิน สถาบันจีนศึกษา มหาวิทยาลัยซุงคยุนกวาน ของเกาเหลีใต้ กล่าวว่า เข้าร่วมการประชุมเศรษฐกิจตะวันออก ของประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ได้ส่งสัญญาณว่า จีนจะยืนหยัดการเปิดประเทศสู่ภายนอก รวมถึงส่งเสริมความร่วมมือกับประเทศอื่น ๆ ในภูมิภาค
๒.๔ นายบายาร์ฮู อดีตทูตานุทูต ผู้เชี่ยวชาญปัญหาระหว่างประเทศจากมองโกเลีย กล่าวว่า การกล่าวคำปราศรัยของประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ได้ส่งสัญญาณหนึ่งอย่างชัดเจนว่า จีนให้ความสำคัญและสนับสนุนเศรษฐกิจเอเชียตะวันออกเฉียงเหนือทุกด้านให้พัฒนาร่วมกัน ทั้งนี้เป็นโอกาสที่หายากสำหรับประเทศจำนวนมากซึ่งรวมทั้งมองโกเลียเองด้วย
๓. ข้อสังเกต
๓.๑ ระหว่างร่วมการประชุมที่รัสเซีย ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง จะเข้าร่วมกิจกรรมทวิภาคีและพหุภาคีต่าง ๆ เช่น การหารือกับประธานาธิบดี วลาดิเมียร์ ปูติน นับเป็นการพบกันระหว่างผู้นำทั้งสองประเทศครั้งที่ ๓ ในรอบปีนี้ และเข้าร่วมพิธีลงนามในข้อตกลงต่าง ๆ ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชน ตลอดจนร่วมงานเลี้ยงรับรองที่จัดโดยประธานาธิบดีรัสเซีย นอกจากนี้ ผู้นำจีน-รัสเซียยังจะเข้าร่วมกิจกรรมเกี่ยวกับการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรม รวมทั้งบุคลากร ความร่วมมือทางเศรษฐกิจ การค้า และความร่วมมือระดับท้องถิ่น
๓.๒ ตั้งแต่ต้นปีนี้เป็นต้นมา ภายใต้ยุทธศาสตร์ที่ผู้นำจีน-รัสเซียได้กำหนดไว้ โดยเฉพาะการดำเนินความสัมพันธ์หุ้นส่วนเชิงยุทธศาสตร์รอบด้านระหว่างจีน-รัสเซีย ได้มีแนวโน้มการพัฒนาไปด้วยดี และเข้าสู่ช่วงการพัฒนาในระดับสูง ตลอดจนมีความคืบหน้าไปอย่างรวดเร็ว ดังนั้น การที่ประธานาธิบดี สี จิ้นผิง เดินทางไปเข้าร่วมการประชุมเศรษฐกิจตะวันออกที่รัสเซียครั้งนี้ จึงเป็นการสืบทอดประเพณีอันดีของทั้งสองประเทศที่จะให้การสนับสนุนแก่อีกฝ่ายหนึ่งในการเป็นเจ้าภาพจัดกิจกรรมระหว่างประเทศที่สำคัญ และสะท้อนให้เห็นถึงความสัมพันธ์อันแนบแน่นระหว่างสองประเทศ ที่จะมีผลกระทบต่อการจัดระเบียบโลกใหม่ในอนาคต
๓.๓ รายชื่อคณะผู้ติดตามประธานาธิบดี สี จิ้นผิง ไปเยือนรัสเซียครั้งนี้ ได้แก่ นายติง เซวียเสียง กรรมการกรมการเมืองคณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีน เลขาธิการสำนักเลขาธิการคณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีน และผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีน นายหยาง เจี๋ยฉือ กรรมการกรมการเมืองคณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีน และผู้อำนวยการสำนักคณะกรรมการการต่างประเทศคณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีน นายหวัง อี้ มนตรีแห่งรัฐและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศจีน รวมถึงนายเหอ ลี่เฟิง รองประธานสภาปรึกษาการเมืองประชาชนจีน และประธานคณะกรรมการการพัฒนาและการปฏิรูปแห่งชาติจีน ซึ่งล้วนแต่เป็นบุคคลสำคัญที่จะมีผลต่อการกำหนดทิศทางการพัฒนาและการเปลี่ยนแปลงของจีน
บทสรุป
จีนได้แสดงถึงการให้ความสำคัญอย่างสูงกับการมีส่วนร่วมในความร่วมมือในภูมิภาคตะวันออกไกล หรือภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงเหนือ ตลอดจนส่งเสริมสนับสนุนการพัฒนาและความเจริญรุ่งเรืองของภูมิภาคนี้ ทั้งนี้ ย่อมจะทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างจีน-รัสเซียพัฒนาในระดับสูงต่อไป และเป็นการขับเคลื่อนความร่วมมือในทุกด้านระหว่างสองประเทศ นอกจากนี้ จะเป็นการทำให้ทุกฝ่ายมีโอกาสมากขึ้นในการร่วมมือกันส่งเสริมสันติภาพ เสถียรภาพ และการพัฒนาในภูมิภาค และสร้างความผาสุกให้แก่ประชาชนประเทศต่าง ๆ ทั่วโลกมากขึ้น อีกทั้งการใช้ความพยายามร่วมกันของจีนและรัสเซียทำให้การเยือนรัสเซียของประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ครั้งนี้ ประสบความสำเร็จและเป็นพลังขับเคลื่อนใหม่แก่การพัฒนาความสัมพันธ์หุ้นส่วนยุทธศาสตร์อย่างรอบด้านระหว่างจีน-รัสเซีย ตลอดจนเริ่มกระบวนการใหม่แห่งสันติภาพ เสถียรภาพ ความไว้วางใจ และความร่วมมือกันในภูมิภาค อันจะส่งผลกระทบต่อการจัดระเบียบโลกใหม่ในอนาคต
ประมวลโดย : พันเอกไชยสิทธิ์ ตันตยกุล
ข้อมูลจากเว็บไซต์
http://en.people.cn/n3/2018/0913/c90000-9500058.html
http://thai.cri.cn/247/2018/09/15/121s271228.htm
http://thai.cri.cn/247/2018/09/07/223s270894.htm
http://thai.cri.cn/247/2018/09/11/233s271024.htm
https://www.dw.com/en/what-will-keep-china-and-russia-from-building-a-new-world-order/a-45494413