bg-head-3

บทความ

จีนศึกษา วันจันทร์ที่ ๑๙ ต.ค.๖๓ : ความคาดหวังและผลสำเร็จในการเดินทางเยือนกัมพูชา มาเลเซีย ลาว สิงคโปร์และไทย ระหว่างวันที่ ๑๑ - ๑๕ ต.ค.๖๓ ของนายหวัง อี้ (王毅) มนตรีแห่งรัฐและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศจีน

ขอนำเสนอข้อมูลวิเคราะห์เกี่ยวกับความคาดหวังและผลสำเร็จในการเดินทางเยือนกัมพูชา มาเลเซีย ลาว สิงคโปร์และไทย ระหว่างวันที่ ๑๑ - ๑๕ ต.ค.๖๓ ของนายหวัง อี้  (王毅) มนตรีแห่งรัฐและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศจีน เพื่อส่งเสริมการแลกเปลี่ยนและความร่วมมือจีน-อาเซียนในยุคหลังการแพร่ระบาดของโควิด-๑๙ ตลอดจนช่วยเหลือการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจและการพัฒนาสังคมของประเทศในอาเซียนที่เกี่ยวข้อง ซึ่งมีประเด็นที่น่าสนใจดังนี้

๑.ความคาดหวังอันสืบเนื่องจากการที่ประเทศในอาเซียน ซึ่งเป็นเพื่อนบ้านที่เป็นมิตรของจีน และเป็นหุ้นส่วนความร่วมมือที่สำคัญในการร่วมกันสร้าง "หนึ่งแถบ หนึ่งเส้นทาง" รวมทั้งในการเผชิญกับการแพร่ระบาดของโรคโควิด-๑๙ โดยจีนและประเทศในอาเซียนได้เฝ้าดูและช่วยกันเพื่อเอาชนะความยากลำบากและเป็นแนวหน้าของการต่อสู้ระดับโลกเพื่อต่อต้านการแพร่ระบาดและการฟื้นตัวหลังการแพร่ระบาด ในขณะที่ในช่วงแปดเดือนแรกของปีนี้ ปริมาณการค้าระหว่างจีนและอาเซียนเพิ่มขึ้น ๓.๘% โดยเมื่อเปรียบเทียบกับแนวโน้มดังกล่าว ทำให้อาเซียนกลายเป็นคู่ค้ารายใหญ่ที่สุดของจีนเป็นครั้งแรก ซึ่งเป็นความก้าวหน้าครั้งประวัติศาสตร์ที่ทั้งสองฝ่ายเป็นคู่ค้ารายใหญ่ที่สุดของกันและกัน
 
๒. ผลสำเร็จจากการเดินทางเยือนประเทศไทย โดยเมื่อวันที่ ๑๕ ต.ค.๖๓ นายหวัง อี้ มนตรีแห่งรัฐและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศจีน ได้เข้าเยี่ยมคารวะ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในโอกาสการเดินทางเยือนไทยอย่างเป็นทางการ ที่ห้องสีงาช้าง ทำเนียบรัฐบาล กล่าวคือ
     ๒.๑ การพบปะในครั้งนี้ถือเป็นโอกาสอันดีในวาระครบรอบ ๔๕ ปีของการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างไทย-จีน และยังเป็นโอกาสในการยืนยันความเป็นหุ้นส่วนความร่วมมือเชิงยุทธศาสตร์อย่างรอบด้านระหว่างไทยกับจีน โดย พลเอกประยุทธ์ฯ ได้ฝากความระลึกถึงและความปรารถนาดีไปยังประธานาธิบดีสี จิ้นผิง และนายกรัฐมนตรีหลี่ เค่อเฉียง ซึ่งการพบกันในครั้งนี้ มีขึ้นในช่วงที่ทั่วโลกประสบกับความท้าทายร่วมกัน  จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-๑๙ จึงเป็นโอกาสสำคัญอย่างยิ่ง ที่จะยืนยันความพร้อมที่จะร่วมมือกัน เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจ และสังคมของทั้งสองประเทศ  
     ๒.๒ นายหวัง อี้ กล่าวยินดีและขอบคุณรัฐบาลไทย ที่ให้การต้อนรับเป็นอย่างดีเสมอมา ในโอกาสนี้รัฐบาลจีน ขอถวายพระพรแด่ พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี นอกจากนี้ นายหวัง อี้ ได้กล่าวแสดงความเชื่อมั่นต่อสถานการณ์ในไทย โดยเชื่อว่ามิตรภาพที่แน่นแฟ้นระหว่างไทยและจีนจะช่วยเพิ่มพูนความร่วมมืออย่างต่อเนื่องในทุกระดับ ทั้งนี้ นายหวัง  อี้ ยังแสดงความยินดีกับนายกรัฐมนตรีที่ดำเนินมาตรการป้องกัน และควบคุมโรคด้วยดี ซึ่งเกิดจากความร่วมมือของประชาชนไทยด้วย ส่วนสถานการณ์ในจีน จากการควบคุมจัดการอย่างดีของประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ทำให้การควบคุมโรคตามยุทธศาสตร์ประสบความสำเร็จอย่างดี
     ๒.๓ ขณะเดียวกัน ทั้งสองฝ่ายได้เน้นย้ำถึงความร่วมมือในการควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-๑๙ ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้ชื่นชมความสำเร็จของจีน ในการพัฒนาวัคซีนป้องกันโรคโควิด-๑๙ ที่ก้าวหน้าไปสู่ระยะที่ ๓ แล้ว โดยชื่นชมวิสัยทัศน์ของประธานาธิบดีสีฯ ที่กำหนดให้วัคซีนป้องกันโควิด-๑๙ เป็น "สินค้าสาธารณะของโลก" โดยฝ่ายจีนได้กล่าวถึงความคืบหน้าในการพัฒนาวัคซีนของจีน ว่าขณะนี้กำลังเข้าสู่กระบวนการทดลองในมนุษย์ ซึ่งการพัฒนาวัคซีนมีแนวโน้มที่ดี ซึ่งจีนจะพิจารณาให้ความสำคัญแก่ประเทศในภูมิภาคและมิตรประเทศร่วมกัน อย่างไรก็ดี จากสถานการณ์การติดเชื้อในโลก ทุกประเทศต้องคำนึงถึงมาตรการควบคุมโรค พร้อมฟื้นฟูเศรษฐกิจไปด้วยกัน ประเทศจีนพิจารณาระบบที่เรียกว่า fast lane เพื่อสนับสนุนการเดินทางไปมาหาสู่ระหว่างประชาชน และระบบที่เรียกว่า Green lane เพื่อขนส่งสินค้าระหว่างกัน ซึ่งในการหารือ ทั้งสองฝ่ายยืนยันการสนับสนุนการจัดทำ Fast lane ระหว่างกันในโอกาสแรก  
     ๒.๔ ทั้งสองฝ่ายได้หารือเกี่ยวกับความร่วมมือด้านเศรษฐกิจระหว่างกัน โดยที่ไทยคำนึงถึงจีนในฐานะคู่ค้าที่สำคัญ มีตัวเลขการค้าระหว่างกันที่สูง และเป็นนักลงทุนสำคัญใน EEC ซึ่งไทยพร้อมจะร่วมมือกับจีนด้านการค้าการลงทุนแบบพหุภาคี ตลอดจนขอบคุณฝ่ายจีนที่ร่วมลงทุนในไทยในสาขาใหม่ๆ ได้แก่ ด้าน Digital Big Data และ 5G ทั้งนี้ ฝ่ายจีน พร้อมเดินหน้าการพัฒนาด้าน Digital Economy กับไทย รวมทั้งชื่นชมไทยที่สนับสนุนสภาพแวดล้อมการลงทุนในประเทศอย่างเปิดกว้าง โปร่งใส ยืนยันว่ารัฐบาลจีนพร้อมสนับสนุนการลงทุนในไทย และจีนพร้อมสนับสนุนความเชื่อมโยง เชิงยุทธศาสตร์ระหว่างเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (Eastern Economic Corridor - EEC) กับเขตอ่าวกวางตุ้ง - ฮ่องกง - มาเก๊า (Guangdong - Hong Kong - Macao Greater Bay Area - GBA) และในโอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีฝากคำขอบคุณถึงประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ที่ได้ให้คำมั่นในการดูแลข้อห่วงกังวลของประเทศในอนุภูมิภาคเกี่ยวกับระดับน้ำในแม่น้ำโขง พร้อมชื่นชมพัฒนาการความร่วมมือด้านการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำในแม่น้ำโขงและแม่น้ำล้านช้าง ภายใต้กรอบความร่วมมือแม่โขง-ล้านช้าง (Mekong-Lancang Cooperation-MLC) ที่ได้ประชุมร่วมกัน และไทยยินดีสนับสนุนงาน China International Import Expo (CIIE) ครั้งที่ ๓ และงานแสดงสินค้าอาเซียน-จีน (CAEXPO) ครั้งที่ ๑๗ ในเดือน พ.ย.๖๓ ที่ประเทศจีน
 
บทสรุป

 
นายหวัง อี้ มนตรีแห่งรัฐและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศจีน ประสบความสำเร็จตามคาดหวังในการเยือนประเทศต่างๆ ในอาเซียนดังกล่าวในข้างต้น โดยเฉพาะในระหว่างการเยือนประเทศไทยระหว่างวันที่ ๑๔ - ๑๕ ต.ค.๖๓ ซึ่งนอกจากจะได้เข้าเยี่ยมคารวะ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมแล้ว ยังได้พบหารือกับนายดอน ปรมัตถ์วินัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศอีกด้วย โดยสื่อจีนได้นำเสนอคำกล่าวของนายหวัง อี้ ที่เน้นย้ำว่า จีนยินดีที่จะทำงานร่วมกับประเทศในอาเซียนรวมถึงไทย เพื่อรับรองการลงนามในข้อตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจที่ครอบคลุมระดับภูมิภาคภายในปีนี้ รวมทั้งดำเนินความร่วมมือในการพัฒนาเศรษฐกิจดิจิทัล (展数字经济) และเศรษฐกิจสีน้ำเงิน (蓝色经济 / Blue Economy) เพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับการครบรอบ ๓๐ ปีของการสร้างความสัมพันธ์การเจรจาระหว่างจีน-อาเซียนในปีหน้า และผลักดันความร่วมมือในเอเชียตะวันออกไปสู่ระดับใหม่ในช่วงหลังการแพร่ระบาด ทั้งนี้ โดยเฉพาะการขับเคลื่อนเศรษฐกิจสีน้ำเงิน ซึ่งมีความสำคัญต่อประเทศกำลังพัฒนาที่มีอาณาเขตติดกับชายทะเล เนื่องจากสามารถนำทรัพยากรทางทะเลมาใช้ให้เกิดมูลค่าเพิ่มและสร้างผลประโยชน์ต่อประเทศได้
 
ประมวลโดย พลตรี ไชยสิทธิ์ ตันตยกุล
 
ข้อมูลจากเว็บไซต์