คำปราศรัยของประธานาธิบดี สี จิ้นผิง ในฐานะเลขาธิการใหญ่คณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีน ในระหว่างร่วมงานประชุมกิจการต่างประเทศ ของคณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีน ที่จัดขึ้นระหว่างวันที่ ๒ – ๒๓ มิ.ย.๖๑ ณ กรุงปักกิ่ง ซึ่งมีประเด็นที่น่าสนใจดังนี้
๑. ความสำคัญในงานกิจการต่างประเทศของจีน ที่ประธานาธิบดี สี จิ้นผิง กล่าวเน้นคือ
๑.๑ ต้องยืนหยัดความคิดทางการทูตที่มีเอกลักษณ์พิเศษแบบสังคมนิยมจีนยุคใหม่ วางแผนสภาพทั้งภายในประเทศและระหว่างประเทศ มุ่งเน้นการฟื้นฟูประชาชาติและส่งเสริมความก้าวหน้าของมนุษย์ ผลักดันการพัฒนาประชาคมที่มีอนาคตร่วมกัน ยืนหยัดการรักษาอธิปไตย ความปลอดภัยและผลประโยชน์ทางการพัฒนาของประเทศ เข้าร่วมการปฏิรูประบบบริหารทั่วโลก ในขณะที่พัฒนาเครือข่ายความสัมพันธ์หุ้นส่วนทั่วโลกสมบูรณ์มากขึ้นนั้น พยายามบุกเบิกพัฒนาสภาพทางการทูตใหม่ที่มีเอกลักษณ์พิเศษของจีน
๑.๒ ในช่วง ๕ ปีที่ผ่านมานี้ ภายใต้การนำอย่างเข้มแข็งของคณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีน ผลักดันกิจการทางการทูตที่มีเอกลักษณ์พิเศษของจีน ให้กลายเป็นความคิดทางการทูตแบบสังคมนิยมที่มีเอกลักษณ์ โดยกิจการทางการทูตเป็นการแสดงออกของเจตนาในแต่ละประเทศที่เป็นส่วนรวม จำเป็นต้องยืนหยัดถึงสิทธิทางการทูต ในเวลา ๕ ปีข้างหน้าเป็นช่วงประวัติศาสตร์สำคัญที่บรรลุเป้าหมายการต่อสู้ "๑๐๐ ปีทั้ง ๒ เป้าหมาย " ซึ่งมีความหมายสำคัญในกระบวนการฟื้นฟูประชาชาติจีนอันยิ่งใหญ่
๑.๓ ในเวลา ๕ ปีข้างหน้า จีนต้องชูธงประชาคมที่มีอนาคตร่วมกัน ผลักดันระบบบริหารทั่วโลกพัฒนาไปสู่ทิศทางที่เป็นธรรม และสมเหตุสมผล ยืนหยัดการร่วมกันอภิปรายร่วมกันพัฒนาและร่วมกันแบ่งปัน ผลักดันการพัฒนาโครงการ "หนึ่งแถบ หนึ่งเส้นทาง" ให้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น ต้องวางแผนความสัมพันธ์กับประเทศขนาดใหญ่ให้ดี ผลักดันการก่อสร้างกรอบความสัมพันธ์กับมหาประเทศที่มั่นคงและพัฒนาอย่างสมดุลกัน ต้องปฏิบัติงานทางการทูตกับประเทศรอบข้างให้ผลักดันให้บรรยากาศมีความเป็นมิตร และอำนวยประโยชน์มากยิ่งขึ้น ต้องกระชับความร่วมมือและสามัคคีกับประเทศกำลังพัฒนา ผลักดันสภาพให้ก้าวหน้าและพัฒนาร่วมกัน รวมถึงการแลกเปลี่ยนและการเรียนรู้ ระหว่างกันระหว่างจีนกับโลกให้มากยิ่งขึ้น
๒. หากย้อนไปพิจารณาถึงแนวคิด การดำเนินกิจการต่างประเทศของประธานาธิบดี สี จิ้นผิง ในงานเสวนางานต่างประเทศกับประเทศเพื่อนบ้าน เมื่อวันที่ ๒๔ ต.ค.๕๖ จะพบว่ายังคงเน้นให้ยึดมั่นในหลักการสำคัญ กล่าวคือ
๒.๑ เป้าหมายยุทธศาสตร์ในการต่างประเทศกับประเทศเพื่อนบ้าน คือการคล้อยตามและเป็นไปเพื่อทำให้เป้าหมายการต่อสู้ “ครบรอบ ๑๐๐ ปีสองวาระ” ให้เป็นจริง สร้างชนชาติจีนให้รุ่งเรืองขึ้นอีกครั้ง
๒.๒ แนวทางพื้นฐานของการต่างประเทศเพื่อนบ้านคือ ยึดมั่นเป็นมิตรกับประเทศเพื่อนบ้าน เป็นหุ้นส่วนกับประเทศเพื่อนบ้าน ยึดมั่นเพื่อนบ้านสามัคคี เพื่อนบ้านมั่นคง เพื่อนบ้านมั่งคั่ง เน้นแนวคิดใกล้ชิด จริงใจให้ประโยชน์ และใจกว้าง
๒.๓ การทำงานด้านการต่างประเทศกับประเทศเพื่อนบ้านให้สำเร็จในสภาพการณ์ใหม่นั้น ต้องวิเคราะห์และจัดการปัญหาเชิงลึกด้วยยุทธสามตร์ เพิ่มขีดความสามารถในการดำเนินการขับเคลื่อนสถานการณ์ภาพรวม ระดมวางแผนและดำเนินการ รวมทั้งผลักดันการต่างประเทศกับประเทศเพื่อนบ้านในทุกด้าน
๒.๔ ต้องมุ่งมั่นพัฒนาแนวทางเป็นประโยชน์ซึ่งกันและกัน อาทิ รีบเร่งเชื่อมโยงสาธารณูปโภคพื้นฐาน สร้างเขตเศรษฐกิจเส้นทางสายไหมและเส้นทางสายไหมทางทะเลศตวรรษที่ ๒๑ ให้สำเร็จ ต้องดำเนินยุทธศาสตร์เขตการค้าเสรีอย่างเร่งด่วนด้วยฐานจากประเทศเพื่อนบ้าน ขยายพื้นที่ความร่วมมือทางการค้าการลงทุนให้เพิ่มมากขึ้น
๒.๕ ริเริ่มแนวคิดความมั่นคงแบบบูรณาการ ความมั่นคงร่วมกัน และความมั่นคงแบบร่วมมือ ผลักดันความร่วมมือเพื่อความมั่นคงกับประเทศเพื่อนบ้าน เข้าร่วมมือเพื่อความมั่นคงในภูมิภาคและอนุภูมิภาคอย่างแข็งขัน สร้างกลไกความร่วมมือที่เกี่ยวข้องในเชิงลึก เพิ่มความไว้เนื้อเชื่อใจทางยุทธศาสตร์กันให้มากขึ้น
๒.๖ ต้องมุ่งมั่นเสริมสร้างงานประชาสัมพันธ์ การทูตสาธารณะ การต่างประเทศระหว่างประชาชน การแลกเปลี่ยนบุคลากรกับประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อสร้างความเข้มแข็งและขยายฐานสังคมและประชามติ เพื่อการพัฒนาความสัมพันธ์ในระยะยาวกับประเทศเพื่อนบ้าน
๒.๗ ภาพรวมด้านการต่างประเทศก็คือ การแสวงหาปัจจัยภายนอกที่ดี เพื่อความมั่นคงของการปฏิรูปและการพัฒนาอย่างมีเสถียรภาพของจีน รักษาประโยชน์ด้านอธิปไตย ความมั่นคงและการพัฒนาของจีน รักษาสันติภาพและความมั่นคงของโลก ส่งเสริมการพัฒนาร่วมกัน ต้องหาจุดร่วมและจุดประสานร่วมกันของผลประโยชน์
บทสรุป
เป้าหมายที่สำคัญของประธานาธิบดี สี จิ้นผิง คือการนำพาประเทศจีนให้บรรลุความฝันของจีน เพื่อฟื้นฟูความเจริญรุ่งเรืองของประชาชาติจีนอีกครั้ง ในโอกาสครบรอบ ๑๐๐ ปีสองวาระ (ในปี ค.ศ.๒๐๒๑ และปี ค.ศ.๒๐๔๙) ได้แก่ วาระ ๑๐๐ ปี แห่งการก่อตั้งพรรคคอมมิวนิสต์จีน เมื่อวันที่ ๑ ก.ค.๑๙๒๑ ในการสร้างสังคมพอกินพอใช้อย่างทั่วถึง และวาระ ๑๐๐ ปี แห่งการสถาปนาสาธารณรัฐประชาชนจีน เมื่อวันที่ ๑ ต.ค.๑๙๔๙ ในการสร้างประเทศสังคมนิยมยุคใหม่ที่มั่งคั่งเข้มแข็ง มีประชาธิปไตย มีอารยธรรมและมีความปรองดอง หลังจากที่จีนมีความอ่อนแอลงจนต้องพ่ายแพ้ในสงครามฝิ่นกับอังกฤษเมื่อปี ค.ศ.๑๘๓๙ – ๑๘๔๐ (พ.ศ.๒๓๘๒ – ๒๓๘๓) โดยเฉพาะการที่จีนต้องลงนามในสนธิสัญญาหนานจิง (นานกิง) โดยต้องชดใช้ค่าฝิ่นและจ่ายค่าปฏิกรณ์สงครามให้แก่อังกฤษ รวมทั้งเปิดเมืองท่าชายทะเล นอกจากนี้ ชาวอังกฤษและคนที่อยู่ใต้อาณัติสามารถอาศัยอยู่โดยได้รับสิทธิสภาพนอกอาณาเขต (ไม่ต้องขึ้นศาลจีน) เมื่อวันที่ ๒๙ สิงหาคม ค.ศ.๑๘๔๒ (พ.ศ.๒๓๘๕) ซึ่งเป็นเหตุการณ์สำคัญที่เป็นจุดเปลี่ยนในประวัติศาสตร์ของจีน
ประมวลโดย : พันเอกไชยสิทธิ์ ตันตยกุล
ข้อมูลจากเว็บไซต์
http://thai.cri.cn/247/2018/06/24/121s268299.htm
ข้อมูลจากหนังสือ
เขียนโดย สี จิ้นผิง เรื่อง “สีจิ้นผิง ยุทธศาสตร์การบริหารประเทศ” ฉบับภาษาไทย จัดพิมพ์โดย สำนักพิมพ์มติชน พ.ศ.๒๕๕๙ หน้า ๓๕๐ – ๓๕๔