การเดินทางเยือนประเทศอิตาลีอย่างเป็นทางการของประธานาธิบดี สี จิ้นผิง ระหว่างวันที่ ๒๑ – ๒๓ มี.ค.๖๒ ซึ่งมีประเด็นที่น่าสนใจดังนี้
๑. เมื่อวันที่ ๒๑ มี.ค.๖๒ ประธานาธิบดี สี จิ้นผิง และนางเผิง ลี่หยวน ภริยา ได้เดินทางถึงประเทศอิตาลี ในขณะที่เครื่องบินพิเศษของประธานาธิบดีจีนบินเข้าสู่น่านฟ้าของอิตาลี ได้มีเครื่องบินรบ ๒ ลำของกองทัพอากาศอิตาลีบินขึ้นสู่ท้องฟ้าเพื่อให้การอารักขา และได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่นจากเจ้าหน้าที่ระดับสูงของอิตาลี ณ ท่าอากาศยานของกรุงโรม ซึ่งทันทีที่ถึงท่าอากาศยาน ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ได้กล่าวว่า
๑.๑ ช่วงเวลา ๔๙ ปี นับตั้งแต่จีน-อิตาลี ได้สถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูต ความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศได้ผ่านบททดสอบจากกาลเวลา และสถานการณ์ระหว่างประเทศที่ผันแปร ทั้งสองฝ่ายยึดมั่นในหลักการเคารพซึ่งกันและกัน ไว้เนื้อเชื่อใจกัน และอำนวยประโยชน์แก่กัน เพื่อชัยชนะร่วมกัน ทั้งสองประเทศได้ร่วมขับเคลื่อนมิตรสัมพันธ์และความร่วมมือระหว่างจีน-อิตาลีอย่างต่อเนื่อง จนทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศกลายเป็นแบบอย่างแห่งการพัฒนาความสัมพันธ์ทวิภาคีระหว่างประเทศที่มีระบอบสังคม วัฒนธรรม และขั้นตอนการพัฒนาแตกต่างกัน
๑.๒ ความร่วมมือที่เป็นรูปธรรมระหว่างจีนและอิตาลีมีความสำเร็จที่น่าพอใจ และเป็นประโยชน์ที่เป็นรูปธรรมให้แก่ประชาชนทั้งสองประเทศ จากการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมและการไปมาหาสู่กันระหว่างประชาชนที่มีรูปแบบและเนื้อหาอันหลากหลาย สองประเทศมีความเข้าใจและมิตรภาพเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ ประธานาธิบดีจีนได้รอคอยการพบปะเจรจากับ นายแซร์โจ มัตตาเรลลา ประธานาธิบดี และนายจูเซปเป คอนเต นายกรัฐมนตรีอิตาลี เพื่อร่วมกันร่างพิมพ์เขียวแห่งการพัฒนาความสัมพันธ์ระหว่างจีน-อิตาลีในอนาคต โดยเชื่อมั่นว่า การใช้ความพยายามของทั้งสองฝ่าย จะทำให้ความสัมพันธ์หุ้นส่วนเชิงยุทธศาสตร์รอบด้านระหว่างจีนและอิตาลีมีอนาคตที่ดีอย่างแน่นอน
๒. เมื่อวันที่ ๒๒ มี.ค.๖๒ ประธานาธิบดี สี จิ้นผิง ได้พบปะเจรจากับนายแซร์โจ มัตตาเรลลา ประธานาธิบดีอิตาลี โดยผู้นำสองประเทศได้เห็นพ้องต้องกันว่า จะดำเนินแนวทางการพัฒนาความสัมพันธ์ระหว่างจีน-อิตาลีด้วยวิสัยทัศน์ทางยุทธศาสตร์ในระดับสูงและยาวไกล ตลอดจนร่วมกันขับเคลื่อนการพัฒนาความสัมพันธ์หุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ให้คืบหน้ามากขึ้น โดยเฉพาะปีนี้เป็นปีครบรอบ ๑๕ ปีการสร้างความสัมพันธ์หุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์รอบด้านระหว่างจีน-อิตาลี ส่วนในปีหน้า ทั้ง ๒ ประเทศยังจะฉลองครบรอบ ๕๐ ปีการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตอีกด้วย
๓. เมื่อวันที่ ๒๓ มี.ค.๖๒ ประธานาธิบดี สี จิ้นผิง ได้พบปะเจรจากับนายจูเซปเป คอนเต นายกรัฐมนตรีอิตาลี โดยมีการลงนามข้อตกลงเพื่อเข้าร่วมโครงการความริเริ่ม “หนึ่งแถบ หนึ่งเส้นทาง” (Belt and Road Initiative: BRI) ระหว่างอิตาลีกับจีน ซึ่งทำให้อิตาลีกลายเป็นประเทศกลุ่ม G7 รายแรกที่เป็นสมาชิกโครงการนี้ ในขณะที่ความเคลื่อนไหวดังกล่าวได้รับทั้งเสียงสนับสนุนและคัดค้าน โดยฝ่ายที่สนับสนุนมองว่าข้อตกลงดังกล่าวจะทำให้อิตาลีได้รับเงินลงทุนจากจีนมีมูลค่าถึง ๑ ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจที่กำลังซบเซา ส่วนฝ่ายที่คัดค้านนั้นมีความกังวลในเรื่องอิทธิพลของจีนที่ขยายตัวเพิ่มขึ้น ในขณะที่มีเสียงค้านจากสหภาพยุโรป (EU) และสหรัฐฯ จากกรณีที่อิตาลีเตรียมเปิดท่าเรือที่มีความสำคัญทางยุทธศาสตร์ให้จีนลงทุน ที่ประกอบด้วยท่าเรือเจนัว (มีขนาดใหญ่สุดในอิตาลี) ท่าเรือปาแลร์โม ท่าเรือตรีเอสเต และท่าเรือราเวนนา ซึ่งจะส่งผลให้ท่าเรือทั้ง ๔ สามารถแข่งขันกับท่าเรือที่สำคัญอื่นๆ ของ EU อันจะกระทบต่อผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจและความมั่นคง
บทสรุป
ผลที่จีนคาดว่าจะได้รับจากการเดินทางเยือนประเทศอิตาลีของประธานาธิบดี สี จิ้นผิง ในครั้งนี้ ได้แก่ การผลักดันการพัฒนาความสัมพันธ์แบบหุ้นส่วนเชิงยุทธศาสตร์ระหว่างจีนกับอิตาลีให้คืบหน้า อันจะนำมาซึ่งผลประโยชน์จากการแลกเปลี่ยนของภาคเอกชนที่จะขยายตัวมากยิ่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งทำให้ความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการค้าได้พัฒนาขึ้นสู่ระดับที่สูงยิ่งขึ้นจากการขยายความร่วมมือภายใต้โครงการความริเริ่ม “หนึ่งแถบ หนึ่งเส้นทาง” (Belt and Road Initiative: BRI) ท่ามกลางการจับตาดูด้วยความวิตกกังวลของกลุ่ม EU และสหรัฐฯ โดยเฉพาะการที่อิตาลีเตรียมเปิดท่าเรือ ๔ แห่งให้จีนเข้ามาลงทุน
ประมวลโดย : พลตรีไชยสิทธิ์ ตันตยกุล
ข้อมูลจากเว็บไซต์
http://thai.cri.cn/20190322/9be7fa10-616f-e299-2cf7-8f90f4d9dfcc.html
http://thai.cri.cn/20190321/f0dc9eff-5a2a-e80d-e0c7-18ef52329f30.html
http://thai.cri.cn/20190323/1847b1af-dcba-3898-3e55-b6154747e647.html
https://www.posttoday.com/world/584059