มีประเด็นที่น่าสนใจดังนี้
๑. เมื่อช่วงบ่ายวันที่ ๒๓ ส.ค.๖๒ ที่กรุงปักกิ่ง คณะรัฐมนตรีจีนได้ยื่นรายงานเกี่ยวกับการดำเนินงานตามแผนการพัฒนาเศรษฐกิจประชาชาติและสังคมของปีนี้ ต่อที่ประชุมคณะกรรมการประจำสภาผู้แทนประชาชนแห่งชาติจีนเพื่อพิจารณา โดยในรายงานฉบับดังกล่าวได้ระบุเกี่ยวกับการวางแผนงานด้านเศรษฐกิจในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ว่า
๑.๑ ต้องเป็นฝ่ายรับมือกับการเปลี่ยนแปลงที่สลับซับซ้อนทั้งในและต่างประเทศ โดยยืนหยัดแนวคิดการมีส่วนรวมกำหนดนโยบายมหภาคให้มีความมั่นคง และนโยบายจุลภาคให้มีความยึดหยุ่น รวมทั้งนโยบายสังคมมีหลักประกัน
๑.๒ ควบคุมสถานการณ์ทั้งภายในประเทศและระหว่างประเทศ ทำงานให้ดีในด้านการมีงานทำ การเงิน การค้าต่างประเทศ และการลงทุนให้มีความมั่นคง โดยพยายามรักษาการพัฒนาเศรษฐกิจด้วยดีและมั่นคง ทำให้สังคมสมานฉันท์และมีเสถียรภาพ ตลอดจนร่วมเฉลิมฉลองการสถาปนาสาธารณรัฐประชาชนจีนครบรอบ ๗๐ ปี แห่งการสถาปนาประเทศด้วยผลงานที่ยอดเยี่ยม
๒. ก่อนหน้านี้ นายเหอ ลี่เฟิง ผู้อำนวยการคณะกรรมการการพัฒนาและปฏิรูปแห่งชาติจีนระบุว่า จะพยายามสนองความต้องการชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชน ที่นับวันจะมีมาตรฐานสูงขึ้น โดยพัฒนาให้กลายเป็นตลาดภายในที่มีศักยภาพ อันเป็นผลสืบเนื่องมาจากการประชุมว่าด้วยการพัฒนาและปฏิรูปแห่งชาติจีน ที่ได้จัดขึ้นระหว่างวันที่ ๒๑ – ๒๒ ธ.ค.๖๑ ณ กรุงปักกิ่ง โดยให้ความสำคัญใน ๕ ประการ ได้แก่
(๑) ในด้านเทคนิค เพื่อสนองต่อตลาดที่พัฒนาอย่างรวดเร็ว
(๒) ในการยกระดับโครงสร้างอุตสาหกรรมเก่า เพื่อตลาดที่มีศักยภาพสูง
(๓) ในการบ่มเพาะพลวัตใหม่ เพื่อตลาดที่มีโอกาสเติบโตเร็ว
(๔) ในการเน้นโฟกัสแต่ละวงการที่สำคัญและส่งเสริมการลงทุนที่มีประสิทธิภาพ เพื่อตลาดที่เกี่ยวข้องกับวงการต่างๆ อย่างกว้างขวางและมีแรงกระตุ้นอย่างมาก
(๕) ในการที่ต้องเร่งการตอบสนองที่มีคุณภาพและระดับสูง โดยพยายามขยายจุดเติบโตใหม่ของการบริโภค เพื่อตลาดที่มีอนาคต
บทสรุป
มีนักวิเคราะห์ด้านเศรษฐกิจจีน ประเมินว่า หากประธานาธิบดี สี จิ้นผิง สามารถใช้ขุมพลังด้านการเมืองที่จะถ่ายเทความมั่งคั่งจากภาคราชการและรัฐวิสาหกิจไปสู่ประชาชนภาคครัวเรือน ผ่าน ๓ ลูกศรการเงินของ Xi-nomics (ได้แก่ การให้ความสนับสนุนด้านสินเชื่อต่อภาคเอกชน การช่วยเหลือให้ภาคเอกชนของจีนสามารถออกหุ้นกู้ได้ง่ายขึ้น และการสนับสนุนทางการเงินจากการแหล่งเงินในตลาดทุนของธุรกิจภาคเอกชน) รวมถึงการยึดมั่นปฏิบัติตามหลักคำสอนของขงจื่อด้วยความหมายในอักษรมงคล ๘ ประการ (忠 孝 仁 爱 礼 义 廉 耻 หมายถึง ความซื่อสัตย์จงรักภักดี ความกตัญญู ความเมตตากรุณา ความรัก ความมีขนบธรรมเนียม ความเป็นธรรม ความสันโดษ และความละอาย) ที่ชาวจีนใช้ในการดำเนินชีวิตมาตั้งแต่อดีตกาล จวบจนปัจจุบันที่รัฐบาลจีนให้ความสำคัญกับความโปร่งใสและการมีธรรมาภิบาล อันจะทำให้สัดส่วนของ GDP จีนจะสามารถขยับขึ้นมาจาก ๑๖ – ๑๗% ของมูลค่า GDP ทั้งโลก ไปสู่ระดับ ๒๐% ได้ โดยที่ภาคครัวเรือนจะเติบโตได้ดี ดังนั้น จึงต้องติดตามผลจากการดำเนินการตามแผนงานด้านเศรษฐกิจของจีนโดยเฉพาะในช่วงครึ่งหลังของปีนี้อย่างใกล้ชิดต่อไป
ประมวลโดย พลตรี ไชยสิทธิ์ ตันตยกุล
ข้อมูลจาก
http://english.www.gov.cn/statecouncil/ministries/201908/24/content_WS5d607143c6d0c6695ff7f34b.html
http://thai.cri.cn/20190824/755ec328-4624-84b8-c483-f69fe890ed3e.html
http://thai.cri.cn/20181223/16991ead-20fb-9440-13a0-b01f6a1d3ba5.html
https://bcecc.be/china-press-review-august-19-2019/
http://www.xinhuanet.com/english/2019-08/24/c_138332867.htm
https://www.focus-economics.com/countries/china
https://www.bangkokbiznews.com/blog/detail/647019
https://www.bangkokbiznews.com/blog/detail/646913
http://ubulachinese.blogspot.com/2012/03/8.html