bg-head-3

บทความ

จีนศึกษา วันจันทร์ที่ ๓๐ ธ.ค.๖๒ การแถลงข่าวของโฆษกกระทรวงกลาโหมจีน เกี่ยวกับกรณีที่กองทัพจีน-รัสเซีย-อิหร่านจัดปฏิบัติการฝึกซ้อมร่วมทางทะเลที่อ่าวโอมาน และกองทัพบกจีน-อินเดีย

จีนศึกษา วันจันทร์ที่ ๓๐ ธ.ค.๖๒ ขอนำเสนอข้อมูลการแถลงข่าวของโฆษกกระทรวงกลาโหมจีน เกี่ยวกับกรณีที่กองทัพจีน-รัสเซีย-อิหร่านจัดปฏิบัติการฝึกซ้อมร่วมทางทะเลที่อ่าวโอมาน และกองทัพบกจีน-อินเดีย ได้เสร็จสิ้นภารกิจโครงการซ้อมรบร่วมเพื่อปราบปรามการก่อการร้าย รวมทั้งการตอบโต้ข้อกล่าวหาของสหรัฐฯ ซึ่งมีประเด็นที่น่าสนใจดังนี้  

๑. เมื่อวันที่ ๒๖ ธ.ค.๖๒ พันเอกอาวุโส อู๋ เชียน (Senior Colonel Wu Qian) โฆษกกระทรวงกลาโหมจีน ได้แถลงข่าวว่า กองทัพจีน-รัสเซีย-อิหร่านจัดปฏิบัติการฝึกซ้อมร่วมทางทะเลที่อ่าวโอมาน ระหว่างวันที่ ๒๗ – ๓๐ ธ.ค.๖๒  ตามความตกลงของทั้ง ๓ ประเทศดังกล่าว โดยจีนส่งเรือพิฆาตติดขีปนาวุธ “ซีหนิง” ร่วมปฏิบัติการฝึกซ้อมร่วมครั้งนี้ ทั้งนี้ การปฏิบัติการฝึกซ้อมร่วมครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ที่จะลงลึกการแลกเปลี่ยนและความร่วมมือระหว่างกองทัพเรือของ ๓ ประเทศ อันแสดงออกถึงความปรารถนาดีและการยกระดับขีดความสามารถของทั้ง ๓ ประเทศในการรักษาสันติภาพและความปลอดภัยทางทะเล  พร้อมทั้งพยายามสร้างประชาคมทางมหาสมุทรที่มีอนาคตร่วมกัน

๒. ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ ๒๐ ธ.ค.๖๒ กองทัพบกจีน-อินเดีย ได้เสร็จสิ้นภารกิจโครงการซ้อมรบร่วมเพื่อปราบปรามการก่อการร้าย “เสียะโส่ว-๒๐๑๙” อย่างราบรื่นที่ค่ายทหารในเมืองซีลอง (Shillong) แคว้นเมกาลายา (Meghalaya) ทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือของอินเดีย ซึ่งปฏิบัติการฝึกซ้อมในครั้งนี้มีระยะเวลา ๑๔ วัน โดยจีนกับอินเดียจัดกำลังพลฝ่ายละ ๑๓๐ นาย เป็นหน่วยฝึกซ้อมร่วม ๓ ขั้นตอน ได้แก่ (๑) การฝึกซ้อมเพื่อปรับเข้ากับสถานการณ์ (๒) การฝึกซ้อมร่วมผสม และ (๓) การฝึกซ้อมร่วมทั่วไป ทั้งนี้ ในการฝึกซ้อมดังกล่าว ทำให้ทั้ง ๒ กองทัพมีความใกล้ชิดกันมากขึ้น มีความเชื่อถือและร่วมมือกันมากขึ้น มีความก้าวหน้าร่วมกัน นอกจากนี้ยังมีส่วนช่วยในการสร้างสันติภาพและเสถียรภาพของภูมิภาค อันเป็นความปรารถนาร่วมกันของทั้ง ๒ ประเทศและ ๒ กองทัพ ซึ่งมีความสำคัญมาก  

๓. ในการแถลงข่าวดังกล่าว (เมื่อวันที่ ๒๖ ธ.ค.๖๒) พันเอกอาวุโส อู๋ เชียน ได้แถลงเพิ่มเติมเกี่ยวกับกรณีที่เจ้าหน้าที่ระดับสูงของฝ่ายทหารสหรัฐฯ ออกมาชวนเชื่อในสิ่งที่เรียกว่า “ภัยคุกคามจากการทหารจีน” ว่า
     ๓.๑ ปีหลังๆ นี้ สหรัฐฯ ได้ก่อสงครามในหลายพื้นที่ของโลก รุกรานอธิปไตยของประเทศอื่น ทำให้ประชาชนผู้บริสุทธิ์จำนวนมหาศาลต้องได้รับบาดเจ็บล้มตาย อีกทั้งยังมีผู้ลี้ภัยจำนวนมากต้องพลัดที่นาคาที่อยู่ ซึ่งจีนมีสุภาษิตว่า “โจรร้องเรียกให้จับโจร”ดังนั้น คำกล่าวหาจีนของเจ้าหน้าที่สหรัฐฯทุกคำ ล้วนสามารถนำไปวิจารณ์ใช้กับประเทศสหรัฐฯเองน่าจะเหมาะสมที่สุด  
    ๓.๒ ในกรณีนาย John Rood รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ กล่าวหาจีนเมื่อเร็วๆ นี้ว่า จีนใช้งบประมาณทางทหารจำนวนมหาศาลนั้น โฆษกกระทรวงกลาโหมจีนกล่าวว่า งบประมาณทางทหารของสหรัฐฯในปีงบประมาณ ๒๐๑๙  มีจำนวนสูงถึง ๗๑๖,๐๐๐ ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และกฎหมายการมอบอำนาจด้านการป้องกันประเทศสหรัฐฯ ในปีงบประมาณ ๒๐๒๐ ได้เพิ่มงบประมาณทางทหารให้มีจำนวนมากถึง ๗๓๘,๐๐๐ ล้านดอลลาร์สหรัฐ คิดเป็นสัดส่วนกว่า ๔๐% ของงบประมาณทางทหารทั่วโลก เมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว ยังจะมีหน้ามากล่าวหาประเทศอื่นว่า ใช้งบประมาณทางทหารจำนวนมหาศาลอีกหรือ
     ๓.๓ ในกรณีสหรัฐฯ กล่าวหาจีนโจมตีไซเบอร์นั้น  โฆษกกระทรวงกลาโหมจีนกล่าวว่า สหรัฐฯ มีความด่างพร้อยมากมายด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์  

บทสรุป

แม้ว่าการแถลงข่าวของโฆษกกระทรวงกลาโหมจีนเมื่อวันที่ ๒๖ ธ.ค.๖๒ โดยเฉพาะต่อกรณีการตอบโต้ข้อกล่าวหาของสหรัฐฯ นั้น จะเป็นเรื่องที่มีความตึงเครียดก็ตาม แต่โฆษกกระทรวงกลาโหมจีนก็ได้เน้นว่า หากจีนและสหรัฐฯร่วมมือกัน ก็จะเป็นประโยชน์แก่ทั้งสองฝ่าย แต่หากต่อสู้กัน ก็จะเจ็บทั้งคู่ และจีนหวังว่า สหรัฐฯจะมองสถานการณ์โดยรวม รวมทั้งแก้ไขนโยบายที่ไม่ถูกต้อง หันหน้าเข้าหากันกับจีน และพยายามที่จะทำให้จีน-สหรัฐฯ ไม่ปะทะกัน ไม่เป็นปรปักษ์กัน อีกทั้งยังต้องเคารพซึ่งกันกัน ตลอดจนร่วมมือกัน เพื่อชัยชนะร่วมกัน อันจะเป็นทางออกที่จะนำไปสู่สันติภาพและเสถียรภาพของโลก

ประมวลโดย พลตรี ไชยสิทธิ์ ตันตยกุล


ข้อมูลจากเว็บไซต์

 http://eng.chinamil.com.cn/view/2019-12/27/content_9705152.htm 

 http://thai.cri.cn/20191227/1cbb763c-eb3d-8362-9c2e-1854f00e405d.html 

 http://thai.cri.cn/20191227/a6979716-2eb9-e117-e127-b86535b14f75.html 

 http://thai.cri.cn/20191212/f7e56fcd-a8b5-c03f-8a46-40e149cba991.html 

 http://thai.cri.cn/20191223/2d0122ad-3380-e1f3-57bc-1b38aa08784a.html 

 http://eng.mod.gov.cn/focus/2019-12/27/content_4857655.htm 

 http://www.xinhuanet.com/english/2019-12/26/c_138659848.htm