bg-head-3

บทความ

จีนศึกษา วันจันทร์ที่ ๔ พ.ย.๖๒ ข้อคิดเกี่ยวกับประสบการณ์ความร่วมมือและกระบวนการพัฒนาในเอเชียตะวันออก ของนายหลี่ เค่อเฉียง นายกรัฐมนตรีจีน จากข้อความบางตอนในบทความเรื่อง “ร่วมแรงร่วมใจร่างพิมพ์เขียวความร่วมมือในเอเชียตะวันออกที่ดีงาม”

ซึ่งนายกรัฐมนตรีจีนได้เสนอว่า

๑. ต้องรักษาสันติภาพและเสถียรภาพ การพัฒนาและความเจริญรุ่งเรืองจึงจะมีหลักประกัน ประเทศอาเซียนมีความสามัคคีกัน ร่วมมือกัน และช่วยเหลือกัน ได้ก่อตั้งประชาคมอนุภูมิภาคแห่งแรกในประวัติศาสตร์ของเอเชีย และได้สร้างสิ่งมหัศจรรย์อาเซียนที่ได้รับการชื่นชมจากชาวโลก จีนยืนหยัดเดินบนหนทางการพัฒนาที่สันติมาโดยตลอด ยึดมั่นในแนวทางการต่างประเทศรอบข้างที่จะเป็นมิตรกัน มีความจริงใจต่อกัน อำนวยประโยชน์แก่กัน และยอมรับกัน ริเริ่มและปฏิบัติตามนโยบายความมั่นคงที่มีความปลอดภัยร่วมกัน ครอบคลุมทุกด้านที่มีส่วนเกี่ยวข้อง ร่วมมือกัน และมีความยั่งยืน เพิ่มพูนความน่าเชื่อถือทางการเมืองกับประเทศรอบข้างอย่างต่อเนื่อง และเป็นพลังหลักในการรักษาสันติภาพ เสถียรภาพของภูมิภาคนี้ จีนและอาเซียนได้ร่วมมือกันอย่างใกล้ชิด โดยยึดมั่นในหลักการแห่งการเปิดประเทศ ยอมรับต่อกัน เคารพซึ่งกันและกัน และพูดคุยเจรจากัน ร่วมกันจัดตั้งกลไกความร่วมมือของภูมิภาคที่ถืออาเซียนเป็นศูนย์กลาง เพื่อให้เป็นพื้นฐานแห่งสันติภาพ เสถียรภาพ และความเจริญรุ่งเรืองของเอเชียตะวันออก

๒. ต้องขับเคลื่อนการเปิดสู่ภายนอกและความร่วมมือ จึงสามารถบรรลุการอำนวยประโยชน์แก่กัน และได้ชัยชนะร่วมกัน การปฏิรูปและเปิดประเทศของจีนไม่เพียงได้บรรลุการพัฒนาของตน แต่ยังได้สร้างโอกาสสำคัญให้แก่โลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งประเทศรอบข้างของจีน ซึ่งรวมทั้งประเทศอาเซียนด้วย จีนนำหน้าทำการเจรจากับอาเซียนในการสร้างเขตการค้าเสรี และได้จัดตั้งเขตการค้าเสรีประเทศกำลังพัฒนาที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลกปีนี้ เขตการค้าเสรีจีน-อาเซียนบรรลุการยกระดับสูงขึ้น กฎว่าด้วยถิ่นกำเนิดสินค้าได้รับการปรับปรุงดีขึ้น กฎเกณฑ์เกี่ยวกับการเข้าถึงตลาดมีความสมบูรณ์ยิ่งขึ้น ขอบเขตความร่วมมือได้ขยายออกไปกว้างขึ้น นอกจากนี้ จีนและประเทศอาเซียนร่วมกันผลักดันการเจรจาจัดทำความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค(RCEP) ทุ่มเทกำลังในการก่อตั้งเขตการค้าเสรีที่มีประชากรมากที่สุด ประกอบด้วยสมาชิกที่มีโครงสร้างหลากหลายที่สุด และมีศักยภาพมากที่สุดในโลก รวมทั้งสร้างตลาดขนาดใหญ่ในเอเชียที่เปิดสู่ภายนอกมากขึ้น จีนและประเทศอาเซียนร่วมสร้าง “หนึ่งแถบ หนึ่งเส้นทาง” คุณภาพสูง ทุ่มเทกำลังในการบรรลุการเชื่อมต่อในระดับสูง ในอนาคตอันใกล้ การโดยสารรถไฟจากเมืองคุนหมิงมากรุงเทพฯ จะกลายเป็นจริงขึ้น จีนและประเทศอาเซียนร่วมสร้างสภาวะแวดล้อมการนวัตกรรมที่เปิดสู่ภายนอก มีการร่วมมือกัน และไม่เลือกปฏิบัติต่อกัน ทั้งสองฝ่ายจะถือโอกาสปีแห่งความร่วมมือทางเศรษฐกิจดิจิทัลในปีหน้า กระชับความร่วมมือในด้านการสื่อสาร 5G ปัญญาประดิษฐ์ ข้อมูลขนาดใหญ่(Big Data) เทคโนโลยีอินเตอร์เน็ตในทุกสิ่ง (Internet of Things) และเมืองอัจฉริยะ ร่วมกันรับประโยชน์จากการนวัตกรรมทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

๓. เสริมการไปมาหาสู่กันระหว่างประชาชน และการแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรมจะสามารถทำให้ความสัมพันธ์มีความใกล้ชิดมากยิ่งขึ้นเรื่อย ๆ เส้นทางสายไหมทางทะเลที่เริ่มเปิดขึ้นเมื่อสองพันกว่าปีก่อนนั้นได้นำมาซึ่งการติดต่อไปมาหาสู่กันทางทะเลที่รุ่งโรจน์ อีกทั้งยังเป็นสักขีพยานต่อประวัติศาสตร์การไปมาหาสู่กันอย่างใกล้ชิดระหว่างจีนกับประเทศเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เมื่อเร็ว ๆ นี้ ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ถวายเครื่องอิสริยาภรณ์รัฐมิตราภรณ์แห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน แด่สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทูตสันถวไมตรียอดเยี่ยมในการพัฒนามิตรสัมพันธ์ระหว่างจีนและไทยนั้น เป็นเรื่องดีงามอีกเรื่องหนึ่งในการพัฒนามิตรสัมพันธ์ระหว่างจีนและไทย ตลอดจนจีนและอาเซียน พร้อม ๆ กับการไปมาหาสู่กันระหว่างจีนและประเทศอาเซียนนับวันมีความใกล้ชิดยิ่งขึ้น ประชาชนทั่วไปจำนวนมากขึ้นทุกวันจะกลายเป็นทูตสันถวไมตรีระหว่างจีนและอาเซียน ปัจจุบัน เที่ยวบินตรงระหว่างจีนและประเทศอาเซียนมีประมาณสัปดาห์ละ ๔,๕๐๐ เที่ยวบิน เมื่อปีที่แล้ว ประชาชนของทั้งสองฝ่ายที่เดินทางไปมาหาสู่กันมีจำนวน ๕๗ ล้านคน เอเชียตะวันออกเฉียงใต้เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมมากที่สุดจากนักท่องเที่ยวจีน เมื่อปีที่แล้ว นักท่องเที่ยวจีนที่เดินทางมาไทยเกิน ๑๐ ล้านคน นักเรียนประเทศอาเซียนที่มาศึกษาต่อที่จีนมีประมาณ ๑ แสนคน โครงการทุนการศึกษาสำหรับบุคลากรดีเด่นจีน-อาเซียนที่เริ่มดำเนินการตั้งแต่ปีนี้ จะช่วยสนับสนุนเยาวชนดีเด่นของประเทศอาเซียนมากขึ้นมาเรียนต่อที่ประเทศจีน จีนมีสำนวนว่า “เกื้อกูลผูกสัมพันธ์กับเพื่อนบ้าน แน่นแฟ้นกว่าญาติที่อยู่ไกลกัน” จีนและไทยเป็นพี่น้องกันอยู่แล้ว เชื่อมั่นว่า จีนและประเทศอาเซียนจะใกล้ชิดกันมากยิ่ง ๆ ขึ้น จะเป็นครอบครัวเดียวกันที่มีอนาคตร่วมกัน

๔. ต้องยืนหยัดในการพูดคุยเจรจากันและปรึกษาหารือกัน จึงสามารถบรรลุความเห็นพ้องต้องกันได้ วัฒนธรรมเอเชียตะวันออกมีลักษณะพิเศษที่ถือความปรองดองกันเป็นสิ่งล้ำค่า มีการประนีประนอมกัน รวมทั้งถือสันติสุขและความกลมกลืนกันเป็นสิ่งสำคัญมาก ขณะที่รูปแบบของอาเซียนเน้นการปรึกษาหารือกันเพื่อบรรลุความเห็นที่เป็นเอกฉันท์ และต้องคำนึงถึงความสบายของทุกฝ่าย วัฒนธรรมที่คล้ายคลึงกันทำให้เรายืนหยัดในการจัดการกับข้อขัดแย้งอย่างเหมาะสมโดยผ่านการพูดคุยเจรจากัน และปรึกษาหารือกัน มีปัญหาอะไรก็แก้ไขเสียด้วยวิธีพูดคุยกัน จีนและบางประเทศอาเซียนมีข้อพิพาทเขตแดนและสิทธิประโยชน์ทางทะเลในทะเลจีนใต้จริง แต่ปัญหาทะเลจีนใต้ไม่เพียงแต่ไม่ได้กระทบถึงการพัฒนาความสัมพันธ์ระหว่างจีน-อาเซียน แต่กลับยังกลายเป็นอีกด้านหนึ่งแห่งความร่วมมือระหว่างทั้งสองฝ่าย เราร่วมกันปฏิบัติตามปฏิญญาว่าด้วยการปฏิบัติของภาคีในทะเลจีนใต้ (DOC) อย่างรอบด้าน และพยายามขับเคลื่อนการเจรจาในการจัดทำแนวทางปฏิบัติในทะเลจีนใต้ (COC) เมื่อปีที่แล้ว (นายกรัฐมนตรีจีน) เสนอให้จัดทำแนวทางปฏิบัติในทะเลจีนใต้ให้เสร็จเรียบร้อยภายในปี ๒๐๒๑ ซึ่งได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากทุกฝ่าย ขณะนี้ การอ่านวาระที่ ๑ ของร่างเนื้อหาการเจรจาเพื่อจัดทำแนวทางปฏิบัติในทะเลจีนใต้ได้ดำเนินการแล้วเสร็จก่อนเวลากำหนด และวาระที่ ๒ ได้เริ่มดำเนินการอย่างราบรื่น จากการพูดคุยเจรจากัน และปรึกษาหารือกัน จีนและประเทศอาเซียนจะสามารถบรรลุแนวทางปฏิบัติในทะเลจีนใต้ที่สอดคล้องกับสภาพความเป็นจริงของภูมิภาคนี้ มีเนื้อแท้ มีคุณภาพสูง และมีผลผูกมัดอย่างแน่นอน พร้อมทั้งร่วมกันกำหนดหลักเกณฑ์ของภูมิภาคนี้ เพื่อให้ทะเลจีนใต้เป็นทะเลแห่งสันติภาพ มิตรภาพ และความร่วมมือ

รวบรวมโดย พลตรี ไชยสิทธิ์ ตันตยกุล

ข้อมูลจากเว็บไซต์
http://www.chinaembassy.or.th/th/sgxw/t1712783.htm 

http://thai.cri.cn/20191102/3e26b334-3d66-4080-668c-15774a488920.html

http://thai.cri.cn/20191102/309d3813-f8e9-7835-e1d2-e789270adfa8.html