ขอนำเสนอข้อมูลเกี่ยวกับข้อเสนอต่อที่ประชุมสุดยอดคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติของนายหวัง อี้ มนตรีแห่งรัฐและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศจีน ในการปรับปรุงระบบธรรมาภิบาลโลกผ่านการปฏิรูปและการร่วมมือกันเพื่อสร้างชุมชนที่มีอนาคตร่วมกันสำหรับมนุษยชาติ เมื่อช่วงปลายเดือนที่ผ่านมา ซึ่งมีประเด็นที่น่าสนใจดังนี้
๑. นายหวัง อี้ (王毅) มนตรีแห่งรัฐและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ (国务委员兼外交部长) ของจีน ในฐานะผู้แทนพิเศษของนายสี จิ้นผิง ประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน (中华人民共和国主席习近平特别代表) ได้กล่าวว่า เมื่อไม่นานมานี้ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ของจีนได้เข้าร่วมการประชุมสุดยอด ๗๕ ปีของสหประชาชาติและการอภิปรายทั่วไปของที่ประชุมสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติ จากมุมมองเชิงยุทธศาสตร์ระยะยาวและมุมมองทางประวัติศาสตร์ที่กว้างไกล (从长远的战略高度以及宽广的历史纬度) โดยสรุปได้ว่า มนุษยชาติโลกเผชิญกับอะไร และโลกเผชิญกับอะไร สำหรับประเด็นสำคัญเช่น จีนและต้องการสหประชาชาติเป็นแบบไหน ซึ่งจีนขอเรียกร้องให้ทุกฝ่ายเดินตามวิถีของพหุภาคีอย่างไม่ย่อท้อรักษาระบบระหว่างประเทศโดยมีสหประชาชาติเป็นแกนกลาง และร่วมกันสร้างชุมชนที่มีอนาคตร่วมกันสำหรับมนุษยชาติ รวมทั้งความสัมพันธ์ระหว่างประเทศรูปแบบใหม่ ซึ่งผู้นำของประเทศต่างๆ ต้องทบทวนภารกิจดั้งเดิมของสหประชาชาติ และออกเสียงอันทรงพลังในการสนับสนุนลัทธิพหุภาคี ตลอดจนแสดงเจตจำนงร่วมกันที่จะเอาชนะการแพร่ระบาดของโรคด้วยความสามัคคีและแสวงหาการพัฒนาอย่างสันติร่วมกัน
๒. นายหวัง อี้ นำเสนอว่า ภัยคุกคามและความท้าทายที่โลกกำลังเผชิญอยู่ในปัจจุบันไม่มีที่สิ้นสุดและมีความจำเป็นเร่งด่วนในการปรับปรุงการกำกับดูแลทั่วโลกและเสริมสร้างการประสานงานและความร่วมมือ ในขณะเดียวกันในขณะที่ประเทศกำลังพัฒนามีการรวมกลุ่มกันเพิ่มขึ้นระบบการปกครองโลกจำเป็นต้องสะท้อนความเป็นจริงของการเมืองระหว่างประเทศและสะท้อนให้เห็นถึงกระบวนการพัฒนาหลายขั้ว ด้วยเหตุนี้ จึงควรทำตามแนวโน้มของเวลาเสริมสร้างการออกแบบระดับบนสุดปฏิรูปและปรับปรุงระบบการปกครองทั่วโลก จีนขอเสนอ ๕ ข้อเสนอแนะ ได้แก่
๒.๑ ปฏิบัติตามหลักการของการปรึกษาหารืออย่างกว้างขวางการมีส่วนร่วมและผลประโยชน์ร่วมกัน ประเทศใหญ่หรือเล็กเป็นสมาชิกของประชาคมระหว่างประเทศเท่าเทียมกัน ความเสี่ยงและความท้าทายที่สำคัญไม่มีขอบเขตและอนาคตและชะตากรรมของประเทศต่าง ๆ มีความสัมพันธ์กันอย่างใกล้ชิด การตอบสนองต่อความเสี่ยงและความท้าทายจำเป็นต้องใช้ทรัพยากรร่วมกันทั่วโลก โดยอาศัยภูมิปัญญาของทุกฝ่ายและสร้างการทำงานร่วมกันที่แข็งแกร่ง ทุกคนควรมีการหารือเกี่ยวกับเรื่องระดับโลกระบบการปกครองควรสร้างขึ้นจากสันติภาพและการพัฒนาของโลก รวมถึงศีลธรรมระหว่างประเทศด้วย
๒.๒ ร่วมกันตอบสนองต่อภัยคุกคามด้านความมั่นคงที่ไม่ใช่แบบดั้งเดิม ในศตวรรษที่ ๒๑ นับตั้งแต่เหตุการณ์ "๑๑ กันยายน" (从“9·11”) ไปจนถึงวิกฤตเศรษฐกิจและการเงินระหว่างประเทศ รวมถึงการแพร่ระบาดครั้งนี้มนุษยชาติได้เผชิญกับความท้าทายความเสี่ยงทั่วโลกครั้งแล้วครั้งเล่า โดยต้องประสานการตอบสนองต่อภัยคุกคามด้านความมั่นคงแบบดั้งเดิมและที่ไม่ใช่แบบดั้งเดิม รวมทั้งกำหนดให้สุขภาพของประชาชนและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศเป็นวาระระหว่างประเทศ โดยเฉพาะภัยคุกคามด้านความมั่นคงที่ไม่ใช่แบบดั้งเดิมซึ่งเกี่ยวข้องกับทุกด้าน และต้องมีการวางแผนโดยรวมการดำเนินนโยบายที่ครอบคลุม ซึ่ง คณะมนตรีความมั่นคงควรปฏิบัติตามวัตถุประสงค์และหลักการของกฎบัตรสหประชาชาติรวมทั้งมีบทบาทมากขึ้น
๒.๓ เสริมสร้างการประสานงานและความร่วมมือระหว่างประเทศมหาอำนาจ ในการปรับปรุงการปกครองทั่วโลก ซึ่งมหาอำนาจหลักต้องมีบทบาทที่เป็นแบบอย่างเป็นผู้นำในการปฏิบัติตามกฎบัตรสหประชาชาติ เป็นผู้นำในการจัดหาสินค้าสาธารณะระดับโลก รวมทั้งเป็นผู้นำในการสนับสนุนสันติภาพและการพัฒนาของโลก ในช่วงเวลาที่โลกกำลังเผชิญกับความเสี่ยงและความท้าทายครั้งใหญ่ ประเทศมหาอำนาจต่างๆ จะต้องยึดถืออนาคตและชะตากรรมของมนุษยชาติเป็นสำคัญ ละทิ้งความคิดของสงครามเย็นรวมทั้งอคติทางอุดมการณ์ ตลอดจนร่วมมือกันเนื่องจากอยู่ในเรือลำเดียวกัน
๒.๔ รักษากฎระเบียบของกฎหมายระหว่างประเทศ ในการสร้างรูปแบบการปกครองทั่วโลก ซึ่งต้องปฏิบัติตามบรรทัดฐานพื้นฐานของความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ เช่น ความเท่าเทียมกันของอำนาจอธิปไตย การไม่แทรกแซงกิจการภายในและการยุติข้อพิพาทโดยสันติ โดยต้องต่อต้านการคว่ำบาตรฝ่ายเดียวและเขตอำนาจศาล เพื่อรักษาอำนาจและความจริงจังของกฎหมายระหว่างประเทศ ประชาคมระหว่างประเทศควรร่วมกันส่งเสริมการกำหนดกฎหมายในพื้นที่เกิดใหม่ เช่น ทะเลลึก รวมทั้งเขตขั้วโลกและเครือข่ายในอวกาศ เพื่อให้เกิดประโยชน์กับทุกประเทศอย่างเป็นธรรม
๒.๕ เน้นบทบาทของสหประชาชาติ ในการเผชิญกับความท้าทายและความเสี่ยงระดับโลก ซึ่งเป็นวิกฤตการณ์ที่ต้องจัดการอย่างครอบคลุม ในฐานะที่เป็นองค์กรสากลที่เป็นตัวแทนและมีอำนาจสูงสุดองค์การสหประชาชาติ ซึ่งมีคุณสมบัติและความเหนือกว่าในการมีบทบาทนำมากกว่าประเทศอื่น ๆ และองค์กรระหว่างประเทศ ทั้งนี้ องค์การสหประชาชาติยังจำเป็นต้องก้าวให้ทันเวลา รวมทั้งเพิ่มบทบาทการเป็นตัวแทนและเสียงของประเทศกำลังพัฒนา โดยการปรับปรุงประสิทธิภาพการดำเนินงานและความสามารถในการรับมือต่อเหตุฉุกเฉิน ตลอดจนปรับปรุงระบบการกำกับดูแลและขีดความสามารถให้ทันสมัย
บทสรุป
คณะมนตรีความมั่นคง (安理会) ซึ่งเป็นส่วนสำคัญของระบบการปกครองโลก ในฐานะแกนกลางของกลไกการรักษาความปลอดภัยโดยรวม ซึ่งมีหน้าที่หลักในการรักษาสันติภาพและความมั่นคงระหว่างประเทศ (安理会作为集体安全机制的核心,是全球治理体系重要组成部分,承担着维护国际和平与安全的首要责任。) ภายใต้สถานการณ์ใหม่ คณะมนตรีความมั่นคงต้องปฏิบัติตามความรับผิดชอบที่ได้รับมอบหมายตามกฎบัตรสหประชาชาติ เพื่อรับประกันสันติภาพของโลก รวมทั้งสร้างเสถียรภาพให้กับระเบียบระหว่างประเทศและให้ความมั่นคงปลอดภัยแก่ประชาชนในทุกประเทศ โดยจีนยินดีที่จะร่วมมือกับประเทศต่างๆ ในโลก เพื่อปรับปรุงระบบการปกครองของโลกอย่างต่อเนื่องและร่วมกันส่งเสริมการสร้างชุมชนที่มีอนาคตร่วมกันสำหรับมนุษยชาติ
ประมวลโดย พลตรี ไชยสิทธิ์ ตันตยกุล
ข้อมูลจากเว็บไซต์
https://mp.weixin.qq.com/s/4AYphVHsogqzM-zxAZH75A
https://www.en84.com/9861.html