กรณีที่เว็บไซต์สถานีวิทยุ CRI ของจีน รายงานว่า เมื่อวันที่ ๑ พ.ย.๖๑ ผู้นำจีนและสหรัฐฯ ได้พูดคุยกันผ่านทางโทรศัพท์ ซึ่งมีประเด็นที่น่าสนใจดังนี้
๑. สาระสำคัญของการพูดคุยทางโทรศัพท์ของประธานาธิบดี สี จิ้นผิง กับนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ตามการนัดหมาย
๑.๑ ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง กล่าวว่า ยินดีที่ได้พูดคุยกับประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผ่านทางโทรศัพท์อีกครั้ง ซึ่งจีนได้บรรยายสรุปถึงจุดยืนเชิงหลักการในการพัฒนาความสัมพันธ์ระหว่างจีน-สหรัฐฯ มาหลายครั้งแล้ว และหวังว่าทั้งสองฝ่ายจะปฏิบัติตามความเห็นพ้องกันที่ผู้นำสองประเทศได้บรรลุเอาไว้ โดยการส่งเสริมการพัฒนาความสัมพันธ์ระหว่างจีน-สหรัฐฯ ที่เป็นปกติและมั่นคง นอกจากนี้ ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ได้กล่าวว่า ได้ให้ความสำคัญกับความสัมพันธ์ที่ดีกับประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ และยินดีพบกับประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ อีกครั้งระหว่างเข้าร่วมการประชุมสุดยอดผู้นำกลุ่ม G20 ที่ประเทศอาร์เจนตินา เพื่อแลกเปลี่ยนความเห็นอย่างลึกซึ้งเกี่ยวกับความสัมพันธ์จีน-สหรัฐฯ และปัญหาสำคัญอื่น ๆ ที่ต่างมีความปรารถนาดีต่อการพัฒนาความสัมพันธ์ระหว่างจีน-สหรัฐฯ ให้เป็นปกติ มั่นคง และการขยายความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการค้าระหว่างสองประเทศ ดังนั้น จึงต้องพยายามทำให้ความปรารถนาอันดีนี้กลายเป็นจริงขึ้นมา
๑.๒ นายโดนัลด์ ทรัมป์ กล่าวว่า ได้ให้ความสำคัญกับความสัมพันธ์ที่ดีกับประธานาธิบดี สี จิ้นผิง และยินดีที่จะแสดงความปรารถนาดีกับประชาชนจีนผ่านประธานาธิบดี สี จิ้นผิง ซึ่งการแลกเปลี่ยนโดยตรงเป็นประจำของผู้นำสองประเทศมีความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง ดังนั้น จึงต้องมีการติดต่อระหว่างกันบ่อยครั้ง นอกจากนี้ ยังได้กล่าวอีกว่า ได้รอคอยการพบปะกับประธานาธิบดี สี จิ้นผิง อีกครั้งระหว่างการประชุมสุดยอดผู้นำกลุ่ม G20 ที่ประเทศอาร์เจนตินา ซึ่งจะสามารถแลกเปลี่ยนความเห็นได้อย่างลึกซึ้งในประเด็นสำคัญ โดยหวังว่าทั้งสองฝ่ายจะใช้ความพยายามร่วมกันในการเตรียมการพบปะครั้งนี้ สำหรับสหรัฐฯ ให้ความสำคัญกับความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการค้าระหว่างสหรัฐฯ-จีน และยินดีที่จะเพิ่มการส่งออกไปยังจีน ในขณะที่ทีมงานเศรษฐกิจของสองประเทศจำเป็นต้องเสริมการแลกเปลี่ยนและปรึกษาหารือกันมากขึ้น รวมทั้งการสนับสนุนบริษัทสหรัฐฯ ให้เข้าร่วมงานแสดงสินค้านำเข้านานาชาติครั้งแรกของจีนอย่างแข็งขัน
๑.๓ ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง กล่าวถึงแก่นแท้ของความร่วมมือทางเศรษฐกิจ และการค้าระหว่างจีน-สหรัฐฯ ว่า คือการเอื้อประโยชน์แก่กัน และได้ชัยชนะร่วมกัน ในช่วงที่ผ่านมา จีน-สหรัฐฯ เกิดความขัดแย้งทางเศรษฐกิจ การค้า ทำให้ธุรกิจที่เกี่ยวข้องของสองประเทศ และการค้าโลกได้รับผลกระทบ ซึ่งสิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่จีนไม่อยากเห็น จีนจะจัดงานแสดงสินค้านานาชาติครั้งแรกเร็ว ๆ นี้ ทั้งนี้แสดงให้เห็นถึงความปรารถนาของจีนที่จะเพิ่มการนำเข้า และเปิดประเทศมากขึ้น โดยรู้สึกยินดีอย่างยิ่งที่ธุรกิจสหรัฐฯ จำนวนมากจะมาเข้าร่วมงานแสดงสินค้าครั้งนี้ จีน-สหรัฐฯ เคยประสบความสำเร็จในการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ และการค้าที่ยุ่งยากผ่านการพูดคุยเจรจาของทีมงานเศรษฐกิจทั้งสองประเทศ ด้วยเหตุนี้ ฝ่ายเศรษฐกิจสองประเทศจึงต้องเสริมการแลกเปลี่ยนกัน และหารือในประเด็นที่ทั้งสองฝ่ายให้ความสำคัญ เพื่อขับเคลื่อนให้จีน-สหรัฐฯ บรรลุข้อตกลงทางเศรษฐกิจการค้าที่ต่างยอมรับได้
๑.๔ ผู้นำสองประเทศยังได้แลกเปลี่ยนความเห็นเกี่ยวกับสถานการณ์บนคาบสมุทรเกาหลี โดยประธานาธิบดี สี จิ้นผิง กล่าวเน้นว่า ตั้งแต่ปีนี้เป็นต้นมา สถานการณ์บนคาบสมุทรเกาหลีเกิดการเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางที่ดี จีนชื่นชมประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ และนายคิม จอง-อึน ผู้นำสูงสุดเกาหลีเหนือ ในการจัดการพบปะกันเชิงประวัติศาสตร์ ซึ่งได้ขับเคลื่อนกระบวนการปลดนิวเคลียร์บนคาบสมุทรเกาหลี และการแก้ไขปัญหาด้วยวิถีทางการเมือง รวมทั้งหวังว่า สหรัฐฯ-เกาหลีเหนือจะคำนึงถึงสิ่งที่อีกฝ่ายหนึ่งให้ความสำคัญ ขับเคลื่อนกระบวนการปลดอาวุธนิวเคลียร์บนคาบสมุทรเกาหลี และสร้างกลไกสันติภาพบนคาบสมุทรเกาหลีต่อไป ซึ่งจีนจะแสดงบทบาทเชิงสร้างสรรค์ต่อไป ในขณะที่ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ กล่าวว่า ตั้งแต่ปีนี้เป็นต้นมา การเจรจาระหว่างสหรัฐฯ-เกาหลีเหนือมีความคืบหน้าที่ดี สหรัฐฯ ให้ความสำคัญอย่างสูงกับบทบาทที่สำคัญของจีนในปัญหาคาบสมุทรเกาหลี และยินดีที่จะเสริมการแลกเปลี่ยนหารือกับจีนในประเด็นนี้
๒. ข้อสังเกต ต่อกรณีที่สหรัฐฯได้นำเรือรบสองลำแล่นผ่านช่องแคบไต้หวัน เมื่อวันที่ ๒๒ ต.ค.๖๑
๒.๑ เมื่อวันที่ ๒๓ ต.ค.๖๑ นางหวา ชุนอิ๋ง โฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีนกล่าวในการแถลงข่าวว่า จีนได้ติดตามและรับทราบข้อมูลทั้งหมดเกี่ยวกับการที่เรือรบสหรัฐฯ แล่นผ่านช่องแคบไต้หวัน และใส่ใจยิ่งต่อเรื่องนี้ ทั้งนี้เพราะปัญหาไต้หวันเกี่ยวข้องกับอธิปไตยและบูรณาภาพเหนือดินแดนของจีน เป็นปัญหาที่ละเอียดอ่อนที่สุดของความสัมพันธ์ระหว่างจีนกับสหรัฐฯ
๒.๒ เมื่อวันที่ ๓๑ ต.ค.๖๑ นายลู่ คัง โฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีนอีกคนหนึ่ง ได้แถลงต่อสื่อมวลชนที่กรุงปักกิ่งว่า จีนได้เร่งรัดให้สหรัฐฯเคารพและปฏิบัติตามหลักการจีนเดียว และแถลงการณ์ร่วม ๓ ฉบับระหว่างจีน-สหรัฐฯ ยุติการไปมาหาสู่กันอย่างเป็นทางการ และการติดต่อทางการทหารกับไต้หวันไม่ว่าในรูปแบบใดก็ตาม รวมทั้งยุติการขายอาวุธให้แก่ไต้หวัน โดยจัดการปัญหาที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับไต้หวันอย่างสุขุมรอบคอบ เพื่อจะได้ไม่กระทบถึงความสัมพันธ์ระหว่างจีน-สหรัฐฯ และสันติภาพ เสถียรภาพในช่องแคบไต้หวัน ทั้งนี้ เมื่อปลายเดือน ต.ค.๖๑ ได้มีผู้ที่ทำหน้าที่เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหมของไต้หวัน เดินทางไปสหรัฐฯ และเข้าร่วมการประชุมอุตสาหกรรมการป้องกันประเทศ
บทสรุป
แม้ว่าผู้นำจีนกับสหรัฐฯ จะยังไม่สามารถบรรลุข้อยุติต่อปัญหาความขัดแย้งด้านการค้าระหว่างกันได้ก็ตาม แต่ก็มีสัญญาณในเชิงบวกที่ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องกันที่จะให้มีการแลกเปลี่ยนการหารือกันต่อไป ในขณะที่ความสัมพันธ์ระหว่างจีนกับสหรัฐฯ ยังคงมีประเด็นอ่อนไวต่อกรณีกระแสข่าวที่สหรัฐฯ มีแผนที่จะขายอาวุธคิดเป็นเงิน ๓๓๐ ล้านเหรียญสหรัฐฯ ให้กับไต้หวัน รวมถึงชิ้นส่วนเครื่องบินรบและการสนับสนุนทางทหารที่เกี่ยวข้อง ทำให้จีนแสดงความไม่พอใจและได้คัดค้านการที่สหรัฐฯ จะขายอาวุธให้กับไต้หวันซึ่งถือเป็นการฝ่าฝืนกฎหมายระหว่างประเทศและกฎเกณฑ์พื้นฐานของความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ รวมที้งเป็นการฝ่าฝืนหลักการจีนเดียว และแถลงการณ์ร่วมฯ อย่างรุนแรง อีกทั้งยังเป็นการทำลายอธิปไตยและสิทธิประโยชน์ด้านความมั่นคงของจีนอีกด้วย
ประมวลโดย : พลตรีไชยสิทธิ์ ตันตยกุล
ข้อมูลจากเว็บไซต์
http://thai.cri.cn/247/2018/11/02/223s273163.htm
http://thai.cri.cn/247/2018/11/01/223s273120.htm
http://thai.cri.cn/247/2018/09/26/230s271588.htm
http://www.chinadaily.com.cn/a/201811/01/WS5bdb229aa310eff303286078.html