bg-head-3

บทความ

จีนศึกษา วันจันทร์ที่ ๕ ส.ค.๖๒ นายหวัง อี้ มนตรีแห่งรัฐและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการประเทศของจีน ในการเข้าพบปะหารือกับ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ ๑ ส.ค.๖๒ และพบปะหารือกับ นายดอน ปรมัตถ์วินัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เมื่อวั

มีประเด็นที่น่าสนใจดังนี้

๑. นายหวัง อี้ เข้าพบนายกรัฐมนตรีของไทย (พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา)
        ๑.๑ ได้กล่าวถึงคำทักทายจากผู้นำจีนมายังนายกรัฐมนตรี พร้อมแสดงความยินดีที่ พลเอก ประยุทธ์ฯ ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี และจัดตั้งรัฐบาลชุดใหม่
        ๑.๒ จีนและไทยมีมิตรภาพมาแต่ดั้งเดิม ดังคำกล่าวที่ว่า “จีน-ไทยใช่อื่นไกล พี่น้องกัน” โดยทั้งสองประเทศร่วมสร้างสรรค์ “หนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง” และประสบผลสำเร็จ ไม่เพียงแต่จะนำมาซึ่งประโยชน์ที่แท้จริงแก่ประชาชนทั้งสองประเทศเท่านั้น หากยังมีส่วนช่วยต่อการเชื่อมโยงและการพัฒนาในภูมิภาค
        ๑.๓ ผู้นำจีนและไทยต้องมีการติดต่อกันอย่างใกล้ชิด ดำเนินการแลกเปลี่ยนประสบการณ์ด้านการขจัดความยากจนและการบริหารประเทศ ส่งเสริมการประสานงานด้านยุทธศาสตร์การพัฒนา เพิ่มการค้าทวิภาคี ส่งเสริมความร่วมมือด้านนวัตกรรมและปัญญาประดิษฐ์ ร่วมบุกเบิกตลาดที่สาม โดยจีนยินดีนำเข้าสินค้าการเกษตรคุณภาพดีจากไทยมากขึ้น
        ๑.๔ การยกระดับความสัมพันธ์หุ้นส่วนยุทธศาสตร์อย่างรอบด้านระหว่างสองประเทศ โดยเฉพาะในโอกาสที่ไทยเป็นประธานหมุนเวียนอาเซียนของปีนี้ จีนสนับสนุนให้ไทยปฏิบัติหน้าที่และจัดการประชุมต่างๆ ว่าด้วยความร่วมมือในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ให้เป็นไปด้วยความสำเร็จ

๒. นายหวัง อี้ ได้พบหารือกับรัฐมนตรีต่างประเทศของไทย (นายดอน ปรมัตถ์วินัย)
       ๒.๑ จีนทะนุถนอมมิตรภาพที่มีมาช้านานระหว่างจีนกับไทย ให้ความสำคัญอย่างมากต่อความสัมพันธ์จีน-ไทย หวังว่าจะส่งเสริมความร่วมมือกับรัฐบาลชุดใหม่ของไทย ผลักดันให้ความสัมพันธ์หุ้นส่วนเชิงยุทธศาสตร์อย่างรอบด้านระหว่างจีนกับไทยได้รับการพัฒนามากขึ้นในยุคปัจจุบัน จีนกับไทยจะต้องเป็นผู้สืบทอดความสัมพันธ์ฉันมิตรพิเศษที่ว่า “จีนไทยใช่อื่นไกล พี่น้องกัน”
       ๒.๒ จีนยินดีกราบบังคมทูลเชิญพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จเยือนจีน และยินดีต้อนรับพระบรมวงศานุวงศ์ทุกพระองค์ รวมถึงคณะรัฐบาลชุดใหม่และผู้นำรัฐสภาในการเดินทางไปเยือนจีน เพื่อส่งเสริมมิตรภาพ รวมทั้งความร่วมมือและการพัฒนาร่วมกัน โดยจีน-ไทยจะต้องเป็นผู้นำในการสร้างสรรค์ “หนึ่งแถบ หนึ่งเส้นทาง” ที่มีคุณภาพ

๓. ข้อสังเกต ในการพบปะหารือกันเมื่อวันที่ ๑ ส.ค.๖๒ นายกรัฐมนตรีไทยได้ฝากให้ นายหวัง อี้ นำคำทักทายไปยังผู้นำจีน โดยได้แสดงความยินดีเนื่องในโอกาส ๗๐ ปี แห่งการสถาปนาสาธารณรัฐประชาชนจีน นอกจากนี้ ได้กล่าวถึงความสัมพันธ์ฉันมิตรระหว่างไทย-จีนที่มีมาช้านาน ซึ่งรัฐบาลไทยชุดใหม่จะดำเนินนโยบายต่อจีนที่มั่นคงอย่างต่อเนื่อง และมุ่งที่จะพัฒนาความสัมพันธ์ไทย-จีนที่มีพลัง ทั้งนี้ ฝ่ายไทยชื่นชมความสำเร็จของจีนในการพัฒนาเศรษฐกิจ สังคม และการขจัดความยากจน อีกทั้งยินดีกระชับการแลกเปลี่ยนและความร่วมมือกับจีน โดยข้อริเริ่ม “หนึ่งแถบ หนึ่งเส้นทาง” ของจีนช่วยให้ประเทศในภูมิภาคและทั่วโลกได้รับประโยชน์ ซึ่งฝ่ายไทยยินดีร่วมการสร้างสรรค์ รวมทั้งจับมือกับจีนผลักดันโครงการรถไฟความเร็วสูงไทย-จีน และยินดีต้อนรับวิสาหกิจจีนขยายการลงทุนในไทย ตลอดจนส่งเสริมความร่วมมือในตลาดที่สาม รวมถึงการกระชับการแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรมระหว่างสองประเทศ และการผลักดันให้ความสัมพันธ์ไทย-จีน มีการพัฒนาไปในอีกระดับหนึ่ง

บทสรุป
การที่จีนสนับสนุนประเทศไทยต่อการปฏิบัติหน้าที่ประธานหมุนเวียนของอาเซียนในปีนี้ ถือเป็นการเสริมสร้างบทบาทนำของประเทศไทยในภูมิภาค โดยเฉพาะการผลักดันการเจรจาว่าด้วยความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (Regional Comprehensive Economic Partnership: RCEP) ที่มี ๑๐ ประเทศของอาเซียน ร่วมมือกับจีน เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ และอินเดีย โดยมีความมุ่งมั่นจะให้บรรลุข้อตกลงภายในปี ๒๐๑๙ (พ.ศ.๒๕๖๒) นี้ เพื่อที่จะก่อให้เกิดเขตการค้าเสรีที่มีพื้นที่ที่ใหญ่ที่สุดในโลก รวมทั้งสามารถสร้างมวลรวมการผลิตภายในประเทศที่มีมูลค่า ๒๒๕,๐๐๐ ล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปี และจะมีส่วนเกื้อกูลต่อประชากรจำนวน ๓,๕๐๐ ล้านคนในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก ซึ่งเป็นจำนวนครึ่งหนึ่งของประชากรทั้งหมดในโลก

ประมวลโดย พลตรี ไชยสิทธิ์ ตันตยกุล

ข้อมูลจาก
http://chinaplus.cri.cn/news/politics/11/20190801/324647.html

http://thai.cri.cn/20190802/30224170-2230-8868-2cf7-bd1f8a74e2bb.html

http://thai.cri.cn/20190801/6a0bf4cb-7f02-f17f-a01c-e6618d665964.html

http://thai.cri.cn/20181115/5faae660-f81b-38a4-e1dc-2ec2788a15aa.html

http://thai.cri.cn/20190624/42cbc098-1ab9-48ba-54a0-826d2c796562.html

http://www.xinhuanet.com/english/2019-08/01/c_138273517.htm