การเตรียมความพร้อมของจีนในการตอบโต้สงครามการค้ากับสหรัฐฯ ซึ่งมีประเด็นที่น่าสนใจดังนี้
๑. การที่จีนต้องเตรียมการต่อต้านสงครามการค้ากับสหรัฐฯ แม้จะรู้ว่าสงครามการค้าจะไร้ซึ่งผู้ชนะก็ตาม เนื่องจากมีความเกี่ยวข้องกับผลประโยชน์หลักของประเทศ และเป็นผลประโยชน์ของประชาชนจีน โดยจะต้องเสียหายในระดับหนึ่ง ทั้งนี้ จีนเป็นประเทศเดียวในโลก ที่มีอุตสาหกรรมครบทุกด้าน มีตลาดบริโภคที่มีประชากรเกือบ ๑,๔๐๐ ล้านคน พร้อมกันนี้ การเติบโตเศรษฐกิจร้อยละ ๙๑ ของจีนมาจากความต้องการภายในประเทศ สิ่งที่สำคัญกว่านั้นคือ จีนมีบริษัทนวัตกรรมมากเป็นอันดับ ๒ ของโลก ทำให้เศรษฐกิจจีนมีความมั่นคง
๒. นับตั้งแต่ต้นเดือน ก.ค.๖๑ เป็นต้นมา รัฐบาลของสหรัฐฯ ได้ก่อสงครามการค้าไปทั่วโลก จนทำให้ประเทศต่างๆ มีการคัดค้าน คาดว่ายังคงมีอีกหลายประเทศที่จะต้องตกอยู่ใต้สถานการณ์เช่นนี้ บางประเทศที่ถือนโยบายประนีประนอมนั้น อาจจะต้องระมัดระวัง เพราะการอ่อนข้อในเกมส์การค้าอาจกลายเป็นผู้แพ้ในที่สุด โดยสงครามการค้าครั้งนี้ เกิดขึ้นจากสหรัฐฯ ไม่ว่าแคนาดา แม็กซิโก หรือจีน ล้วนมีการตอบโต้การเพิ่มภาษีศุลกากรของสหรัฐฯ ในระดับเดียวกัน หลักการดังกล่าวต้องมีความชัดเจน แต่สุดท้ายก็ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของรัฐบาลสหรัฐฯ นอกจากนั้น สงครามการค้าในครั้งนี้ ส่งผลกระทบทั่วโลก ประเทศที่พัฒนาแล้วควรลุกขึ้นต่อต้านนโยบายกีดกันทางการค้า ในขณะที่จีนเป็นประเทศหัวหอกสำคัญที่จะดำรงรักษากฎบัตร และกฎเกณฑ์ของการอยู่ร่วมกัน รวมถึงการต่อต้านนโยบายกีดกันทางการค้า โดยหวังว่าประเทศอื่น ๆ จะสนับสนุนจีนในประเด็นนี้
๓. นักเศรษฐศาสตร์จีนหลายคนแสดงความเห็นว่า
๓.๑ การก่อสงครามการค้าของสหรัฐฯ ไม่สอดคล้องกับกฎเศรษฐศาสตร์ ซึ่งจะทำลายห่วงโซ่อุตสาหกรรมโลก อย่างร้ายแรง
๓.๒ การที่สหรัฐฯ ก่อสงครามการค้าต่อจีนนั้น ไม่ใช่เพื่อแก้ไขปัญหาขาดดุลทางการค้า แต่เป็นการวางแผนเชิงยุทธศาสตร์เพื่อยับยั้งการพัฒนาของจีน เนื่องจากนโยบายยับยั้งจีนที่สหรัฐฯ ดำเนินมาหลายสิบปีแล้วนั้นประสบความล้มเหลว ดังนั้น การทำสงครามการค้าของสหรัฐฯ จึงเป็นรูปแบบใหม่ในการยับยั้งจีน
๔. สำหรับนโยบายผ่อนคลาย ผลกระทบจากข้อขัดแย้งทางการค้าระหว่างจีนกับสหรัฐฯ โดยจีนมีการศึกษารายชื่อสินค้าเก็บภาษีเพิ่มของสหรัฐฯ รวมทั้งคำนวณการนำเข้าสินค้าทดแทน และผลกระทบที่จะเกิดจากการค้าการลงทุน จึงได้กำหนดมาตรการต่างๆ คือ
๔.๑ ประเมินผลกระทบต่อวิสาหกิจประเภทต่างๆ อย่างต่อเนื่อง
๔.๒ รายได้จากการเก็บภาษีเพิ่มนั้น จะใช้ในมาตรการผ่อนคลายผลกระทบที่เกิดขึ้นกับวิสาหกิจและเจ้าหน้าที่
๔.๓ ส่งเสริมวิสาหกิจปรับปรุงโครงสร้างการนำเข้า เพิ่มการนำเข้าถั่วเหลือง ผลผลิตทางการเกษตร ผลิตภัณฑ์น้ำ และรถยนต์จากประเทศอื่น
๔.๔ เร่งปฏิบัติตามคำชี้แนะของคณะรัฐมนตรีจีน เกี่ยวกับการใช้ทุนต่างชาติอย่างมีประสิทธิภาพ และผลักดันการพัฒนาเศรษฐกิจให้มีคุณภาพสูง ที่ประกาศเมื่อวันที่ ๑๕ มิ.ย.๖๑ เพิ่มการคุ้มครองสิทธิอันชอบด้วยกฎหมายของวิสาหกิจ สร้างบรรยากาศการลงทุนให้ดียิ่งขึ้น
บทสรุป
การที่สหรัฐฯ ได้เพิ่มภาษีสินค้าจากจีน ๒๕%ที่นำเข้าไปยังสหรัฐฯ มูลค่า ๓๔,๐๐๐ ล้านเหรียญสหรัฐ เมื่อวันที่ ๖ ก.ค.๖๑ ที่ผ่านมานั้น ทำให้จีนได้เพิ่มภาษีนำเข้าสินค้า ๒๕% จากสหรัฐฯ ในอัตราเดียวกันเพื่อเป็นการตอบโต้การกระทำดังกล่าว และเป็นกรณีที่สร้างความความแปลกใจให้กับจีนอย่างมาก จากกรณีของบัญชีรายการสินค้าจีนที่สหรัฐฯ เรียกเก็บภาษีเพิ่มนั้น ร้อยละ ๕๙ เป็นสินค้าของธุรกิจทุนต่างชาติที่มาลงทุนในจีน รวมถึงธุรกิจของสหรัฐฯ เองด้วย โดยเฉพาะการที่สหรัฐฯ พยายามบังคับให้ธุรกิจสหรัฐฯ กลับสู่สหรัฐฯ ด้วยการก่อสงครามการค้านั้น ถือเป็นการทวนกระแสโลกาภิวัตน์ ซึ่งไม่อาจจะสำเร็จผลได้ นอกจากนี้ ลัทธิครองความเป็นเจ้าทางการค้าที่ทำลายทั้งคู่ค้าและตัวเองเช่นกรณีของสหรัฐฯ นี้ ย่อมจะทำให้สหรัฐฯ ประสบความพ่ายแพ้ตั้งแต่เริ่มต้นแล้ว
ประมวลโดย : พันเอกไชยสิทธิ์ ตันตยกุล
ข้อมูลจากเว็บไซต์
http://thai.cri.cn/247/2018/07/10/233s268838.htm
http://thai.cri.cn/247/2018/07/10/63s268844.htm
http://thai.cri.cn/247/2018/07/09/223s268817.htm
http://thai.cri.cn/247/2018/07/07/123s268763.htm
http://thai.cri.cn/247/2018/07/07/230s268758.htm