จีนศึกษา วันพฤหัสบดีที่ ๑๖ เม.ย.๖๓ ขอนำเสนอข้อมูลเกี่ยวกับท่าที ทางยุทธศาสตร์ของจีนจากถ้ อยแถลงของนายหลี่ เค่อเฉียง นายกรัฐมนตรีจีน ต่อที่ประชุมอาเซียนกับประเทศคู่ เจรจาบวกสาม (จีน ญี่ปุ่นและเกาหลีใต้) วาระพิเศษ ว่าด้วยโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (โควิด-๑๙) เมื่อช่วงบ่ายวันที่ ๑๔ เม.ย.๖๓ ซึ่งมีประเด็นที่น่าสนใจดังนี้
๑. ในช่วงต้นของถ้อยแถลง นายกรัฐมนตรีจีนได้กล่าวถึ งสถานการณ์โดยภาพรวมว่า
๑.๑ ประธานาธิบดี สี จิ้นผิง ได้เน้นย้ำถึงความจำเป็นสำหรั บประชาคมระหว่างประเทศ เพื่อเสริมสร้างความเชื่อมั่ นในการดำเนินการอย่างเป็ นเอกภาพและตอบสนองโดยรวม เพื่อการแก้ไขปัญหาวิกฤติร่วมกั นและการวางกลไกการเตรียมความพร้ อมสำหรับกรณีฉุกเฉินในการต่อสู้ กับโรคระบาด รวมทั้งการเชื่อมโยงกันอย่ างใกล้ชิด เพื่อการเติบโตทางเศรษฐกิจอย่ างยั่งยืน
๑.๒ ในการต่อสู้กับโควิด-๑๙ ทำให้ตระหนักถึงชุมชนที่มี อนาคตร่วมกัน ซึ่งต้องทำงานร่วมกัน ประสานงานกันและมีความร่วมมือที่ ใกล้ชิดยิ่งขึ้น แบบเป็นหุ้นส่วนที่มีความเป็นปึ กแผ่นและให้ความช่วยเหลือซึ่งกั นและกันในกลุ่มประเทศเอเชียตะวั นออก ทั้งนี้ รัฐบาลจีนได้ยึดถือประชาชนเป็ นศูนย์กลางอยู่เสมอ และปฏิบัติตามวิธีการทางวิ ทยาศาสตร์ในการกำหนดเป้าหมายต่ างๆ อย่างเปิดกว้างและโปร่งใส
๑.๓ ขอขอบคุณประชาชนชาวจีนทั้ งประเทศที่ใช้ความพยายามอย่ างหนัก ทำให้ประสบความสำเร็จอย่างยิ่ งใหญ่ในการควบคุมการระบาดของโรค รวมทั้งการฟื้นฟูชีวิ ตและการทำงานให้กลับสู่ปกติอย่ างรวดเร็ว ซึ่งจีนได้ใช้มาตรการลดภาษี และค่าธรรมเนียมจำนวนมาก เพื่อลดภาระขององค์กร ตลอดจนเพิ่มการเติบโตของการบริ โภคและสนับสนุนอุตสาหกรรมรู ปแบบใหม่ ภายใต้การปฏิรูปและการเปิดกว้าง อีกทั้งดำเนินนโยบายการคลั งและการเงิน โดยการส่งเสริมการพัฒนาเศรษฐกิ จและสังคม
๒. นายกรัฐมนตรีจีน ได้เน้นย้ำข้อเสนอในการสนับสนุ นมาตรการควบคุมการแพร่ ระบาดของโรคว่า ไม่มีประเทศใดสามารถต่อสู้กั บโรคนี้ได้โดยลำพัง กล่าวคือ
๒.๑ ประการแรก อาเซียนบวกสาม (ASEAN Plus Three: APT) จำเป็นต้องเพิ่มพูนความร่วมมื ออย่างรอบด้านในการสร้างขี ดความสามารถด้านสาธารณสุข เพื่อการปกป้องและรักษาชีวิตเป็ นสิ่งสำคัญอันดับแรก โดยเฉพาะต้องปกป้องความปลอดภั ยและสุขภาพของชาวต่างชาติเช่ นเดียวกับที่ปกป้องพลเมื องของตนเอง ควรกระชับความร่วมมือระหว่างหน่ วยงานด้านสุขภาพ ศุลกากร การขนส่งและการเข้าเมื องของประเทศสมาชิก โดยมีกลไกการประสานงาน เพื่อการสื่อสารที่ราบรื่น รวมทั้งมาตรการควบคุมการแพร่ ระบาดของโรคจากการผ่านเข้าออกดิ นแดน ตลอดจน ต้องแบ่งปันประสบการณ์การวินิ จฉัยและการรักษา ข้อมูลการวิจัย และมีการวิจัยร่วมกันเพื่อการพั ฒนายาและวัคซีน มีการประสานงานในการผลิต การจัดหาเวชภัณฑ์ และการอำนวยความสะดวกในการซื้ อเวชภัณฑ์ในเชิงพาณิชย์ โดยจีนสนับสนุนอาเซียนในการจั ดตั้งกองทุนโควิด-๑๙ และจะให้การสนับสนุนที่จำเป็นผ่ านกองทุนความร่วมมืออาเซียน – จีน และกองทุนความร่วมมือของกลุ่ มอาเซียนบวกสาม เพื่อเพิ่มขีดความสามารถทั้ งในปัจจุบันและในระยะยาว นอกจากนี้ จีนขอแนะนำให้มีการจัดตั้งคลั งสำรองเวชภัณฑ์ เพื่อให้มีความพร้ อมในการตอบสนองอุปกรณ์ฉุกเฉิน และต้องดำเนินการฝึกซ้ อมแผนสำหรับสถานการณ์ฉุกเฉินด้ านสาธารณสุข อีกทั้งใช้ประโยชน์จากกองทุ นความร่วมมือกลุ่มอาเซียนบวกสาม เพื่อดำเนินโครงการฝึกอบรมด้ านสาธารณสุข โดยควรสนับสนุนองค์การอนามัยโลก (WHO) ในการประสานงานและทำงานร่วมกัน เพื่อปกป้องความมั่นคงด้านสุ ขภาพของประชาชนในระดับภูมิ ภาคและระดับโลก
๒.๒ ประการที่สอง อาเซียนบวกสาม (APT) จำเป็นต้องฟื้นฟูการเติ บโตทางเศรษฐกิจและบู รณาการทางเศรษฐกิจในระดับภูมิ ภาคให้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น รวมทั้งกำจัดอุปสรรคต่อการค้ าและการลงทุน โดยการเปิดตลาดเพื่อฟื้นฟู การเติบโตในเอเชียตะวั นออกโดยเร็วที่สุด ด้วยมาตรการควบคุมที่จำเป็น ซึ่งควรพิจารณาเปิด "ช่องทางที่รวดเร็ว" สำหรับการพาณิชย์ การขนส่งและการบริการด้ านเทคโนโลยี อันจะเอื้อต่อการไหลเวียนของผู้ คนและสินค้าที่จำเป็น ที่จะทำให้อุตสาหกรรมและห่วงโซ่ อุปทานมีเสถียรภาพ โดยไม่กระทบต่อการควบคุ มการระบาดของโรค นอกจากนี้ ต้องมีการวิจัยร่วมกันเพื่ อยกระดับอุตสาหกรรมและห่วงโซ่อุ ปทาน เพื่อสร้างความเชื่อมโยง รวมทั้งควรพัฒนาความร่วมมือด้ านการดูแลสุขภาพและการแพทย์ การผลิต บิ๊กดาต้า และ 5G เพื่อส่งเสริมการเติบโตใหม่ โดยต้องทำงานเพื่อนำไปสู่ การลงนามในข้อตกลงความร่วมมื อทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (RCEP) ภายในกรอบเวลาที่ตกลงกันและเร่ งการเจรจา FTA ระดับไตรภาคีเพื่อเร่งการรวมกลุ่ มทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค
๒.๓ ประการที่สาม อาเซียนบวกสาม (APT) ต้องกระชับการประสานงานเชิ งนโยบายเพื่อป้องกันความเสี่ ยงและความท้าทายทุกประเภทที่ จะมาจากโควิด-๑๙ เพื่อเป็นจุดศูนย์กลางของความมั่ นคงสำหรับภูมิภาค โดยควรขยายการใช้สกุลเงินท้องถิ่ นในการค้าและการลงทุนในภูมิ ภาคและปรับปรุงเครือข่ ายการแลกเปลี่ยนสกุลเงิน ตามความตกลงมาตรการริเริ่มเชี ยงใหม่ไปสู่การเป็นพหุภาคี (CMIM) และสำนักงานวิจัยเศรษฐกิ จมหภาคของภูมิภาคอาเซียนบวกสาม (AMRO) เพื่อเพิ่มความพร้อมสำหรับวิกฤต และควรสนับสนุนธนาคารโลก ธนาคารเพื่อการพัฒนาเอเชีย (ADB) ธนาคารเพื่อการลงทุนโครงสร้างพื้ นฐานแห่งเอเชีย (AIIB) และสถาบันการเงินพหุภาคีอื่น ๆ ในการดำเนินการอย่างรวดเร็วเพื่ อให้มีสภาพคล่องเพียงพอ โดยจีนจะจัดสรรเงิน ๑๐ ล้านดอลลาร์สหรัฐในกองทุ นลดความยากจนและความร่วมมือระดั บภูมิภาคภายใต้ ADB เพื่อสนับสนุนโครงการควบคุ มการระบาดในภูมิภาค นอกจากนี้ จีนยินดีรับข้อเสนอของ AIIB สำหรับการฟื้นฟูจากโควิด-๑๙ ด้วยเงินทุนเริ่มต้นจำนวน ๕ พันล้านเหรียญสหรัฐ
บทสรุป
๑.๑ ประธานาธิบดี สี จิ้นผิง ได้เน้นย้ำถึงความจำเป็นสำหรั
๑.๒ ในการต่อสู้กับโควิด-๑๙ ทำให้ตระหนักถึงชุมชนที่มี
๑.๓ ขอขอบคุณประชาชนชาวจีนทั้
๒. นายกรัฐมนตรีจีน ได้เน้นย้ำข้อเสนอในการสนับสนุ
๒.๑ ประการแรก อาเซียนบวกสาม (ASEAN Plus Three: APT) จำเป็นต้องเพิ่มพูนความร่วมมื
๒.๒ ประการที่สอง อาเซียนบวกสาม (APT) จำเป็นต้องฟื้นฟูการเติ
๒.๓ ประการที่สาม อาเซียนบวกสาม (APT) ต้องกระชับการประสานงานเชิ
บทสรุป
นายกรัฐมนตรีจีนกล่าวเน้นในช่ วงท้ายของการแถลงว่า ภูมิภาคนี้เป็นหนึ่งในผู้ผลิตธั ญพืชรายใหญ่ของโลก และเป็นที่ตั้งของประชากรกว่ าหนึ่งในสี่ของโลก ซึ่งส่วนใหญ่เป็นประเทศกำลังพั ฒนา ดังนั้น การสร้างความมั่นคงด้านอาหารเป็ นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง โดยต้องใช้ประโยชน์อย่างเต็มที่ จากองค์กรสำรองข้าวฉุกเฉิ นของอาเซียนบวกสาม (APTERR) เพื่อป้องกันวิกฤตด้านอาหาร นอกจากนี้ อาเซียนบวกสาม (APT) จะทำงานร่วมกันเป็นหุ้นส่วนด้ วยความสามัคคี โดยจีนจะยืนเคียงข้างกั บประชาชนในเอเชียตะวันออกและทั่ วโลก เพื่อผ่านพ้นช่วงเวลาที่ ยากลำบากจากผลกระทบของโรคระบาด โดยเชื่อมั่นว่า จะทำให้เศรษฐกิจในภูมิภาคได้รั บการฟื้นฟู อันจะนำไปสู่ความเจริญรุ่งเรื องและเสถียรภาพของโลก
ประมวลโดย พลตรี ไชยสิทธิ์ ตันตยกุล
ประมวลโดย พลตรี ไชยสิทธิ์ ตันตยกุล
ข้อมูลจากเว็บไซต์