ท่าทีของประธานาธิบดี สี จิ้นผิง ในการพบกับนายบัน คี-มูน ในโอกาสที่นายบัน คี-มูน ได้รับเลือกให้ดำรงตำแหน่งประธานคณะกรรมการบริหารฟอรั่มเอเชียโป๋อ๋าวคนใหม่ ที่มหาศาลาประชาชน ณ กรุงปักกิ่ง เมื่อวันที่ ๑๕ พ.ค.๖๑ มีประเด็นที่น่าสนใจดังนี้
๑. ท่าทีของประธานาธิบดี สี จิ้นผิง
๑.๑ เน้นย้ำถึงความเป็นมาของฟอรั่มเอเชียโป๋อ๋าวที่ก่อตั้งขึ้นเมื่อต้นศตวรรษนี้ว่า ความตั้งใจแรกก็คือประเทศเอเชียร่วมกันสร้างเสริมความเข้มแข็งของตนเอง ร่วมกันรับมือกับการท้าทาย และยกระดับอิทธิพลของเอเชียให้สูงขึ้น
๑.๒ แสดงความคาดหวังโดยกล่าวว่า ฟอรั่มเอเชียโป๋อ๋าวจะพัฒนาไปพร้อมกับกาลเวลา โฟกัสเอเชียและประเทศที่เป็นตลาดเกิดใหม่ ติดตามปัญหาสำคัญๆ ที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาโลก เสนอทฤษฎีใหม่ แนวคิดใหม่ วิธีการใหม่เพื่อแก้ไขอุปสรรค ปรับระบบการบริหารจัดงานทางเศรษฐกิจ และบรรลุซึ่งการพัฒนาที่ยั่งยืน แสดงบทบาทเพื่อเดินหน้าพัฒนาจีนและโลกให้เจริญรุ่งเรืองด้วยกัน
๑.๓ เน้นย้ำเกี่ยวกับบทบาทของจีนว่า ประตูที่เปิดออกของจีนจะไม่มีวันปิด มีแต่จะเปิดกว้างยิ่งขึ้น และจีนจะยึดหลักพหุภาคี รักษาระบบการค้าพหุภาคี สร้างเศรษฐกิจโลกที่เปิดเสรี มุ่งเดินหน้ากระแสโลกาภิวัตน์ให้เป็นไปในทิศทางที่เสรี เปิดผนึก เอื้อประโยชน์ถ้วนหน้า สมดุล และได้ประโยชน์ด้วยกันมากขึ้น
๒. ส่วนท่าทีของนายบัน คี-มูน ซึ่งได้กล่าวว่า ภายใต้สถานการณ์ใหม่ ฟอรั่มเอเชียโป๋อ๋าวควรส่งสัญญาณชัดแจ้งในการส่งเสริมกระแสโลกาภิวัตน์และระบบการค้าเสรี โดยควรอาศัยโครงการความริเริ่ม "หนึ่งแถบ หนึ่งเส้นทาง" (Belt and Road Initiative : BRI) ของจีนอย่างเต็มที่ ในการผลักดันเอเชียให้คงการเปิดเสรีและการสร้างสรรค์ เพื่อพัฒนาได้ดียิ่งขึ้น
๓. ข้อสังเกต นายบัน คี-มูน ได้แสดงท่าทีให้การยอมรับบทบาทของจีนในเวทีโลก กล่าวคือ
๓.๑ ก่อนหน้าที่จะได้พบกับประธานาธิบดี สี จิ้นผิง ดังกล่าว นายบัน คี-มูน ได้พบปะหารือกับนายหวัง อี้ รัฐมนตรีต่างประเทศจีน เมื่อวันที่ ๑๔ พ.ค.๖๑ ณ กรุงปักกิ่ง โดยกล่าวว่า ปีหลังๆ นี้ สถานการณ์โลกเกิดการเปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก บทบาทของจีนได้ก้าวขึ้นมาอยู่ในระดับแนวหน้าของโลก ฟอรั่มเอเชียโป๋อ๋าวได้แสดงบทบาทที่เป็นเวทีการแลกเปลี่ยนระหว่างรัฐบาล นักธุรกิจ และนักวิชาการ และได้เสนอแผนการพัฒนาโป๋อ๋าว เพื่อส่งเสริมการพัฒนาของเอเชียและของโลก
๓.๒ หากย้อนไปเมื่อวันที่ ๑๑ เม.ย.๖๑ ในระหว่างการประชุมฟอรั่มเอเชียโป๋อ๋าวประจำปี ๒๐๑๘ นายบัน คี-มูน ได้กล่าวถึงคำปราศรัยของประธานาธิบดี สี จิ้นผิง ในพิธีเปิดการประชุมฯ ว่าทำให้เห็นทิศทางการพัฒนาของจีน พร้อมประกาศมาตรการสำคัญต่างๆ ที่น่าชื่นชมยกย่อง ขณะที่การเปลี่ยนแปลงไปตามกระแสโลกและลัทธิพหุภาคีต้องเผชิญกับความท้าทาย โดยคำปราศรัยนี้นับว่ามีความหมายอันลึกซึ้งยิ่ง จากการที่ประธานาธิบดี สี จิ้นผิง เน้นว่าต้องพัฒนาโดยถือเอเชียเป็นสำคัญ ให้การบริการแก่เอเชีย ไปพร้อมกับใส่ใจโลก เปิดกว้างและเอื้ออารีกัน ผลักดันการแลกเปลี่ยนระหว่างบุคคลแวดวงต่างๆ เพื่อให้การสนับสนุนและความร่วมมือแก่รัฐบาลและหน่วยงานเอกชนต่างๆ ร่วมเสนอแผนการโป๋อ๋าวมากยิ่งขึ้นในปัญหาระหว่างประเทศที่ประชาคมโลกต่างให้ความสนใจ
บทสรุป
ท่าทีที่ประธานาธิบดี สี จิ้นผิง ที่เน้นย้ำว่า ประตูที่เปิดออกของจีนจะไม่มีวันปิด มีแต่จะเปิดกว้างยิ่งขึ้น และจีนจะยึดหลักพหุภาคี รักษาระบบการค้าพหุภาคี สร้างเศรษฐกิจโลกที่เปิดเสรี มุ่งเดินหน้ากระแสโลกาภิวัตน์ให้เป็นไปในทิศทางที่เสรี เปิดผนึก เอื้อประโยชน์ถ้วนหน้า สมดุล และได้ประโยชน์ด้วยกันมากขึ้นนั้น น่าจะเป็นการแสดงถึงความพร้อมของจีนในฐานะที่เป็นประเทศใหญ่ซึ่งมีความรับผิดชอบ โดยเฉพาะการแสดงบทบาทนำของจีนในเวทีโลก ซึ่งสอดคล้องกับรัฐมนตรีต่างประเทศจีนที่ได้กล่าวถึงฟอรั่มเอเชียโป๋อ๋าวว่าจะพัฒนาก้าวหน้าต่อไป โดยไม่เพียงถือเอเชียเป็นที่ตั้งแต่จะมุ่งหน้าทั่วโลก และยังต้องเป็นตัวแทนของเอเชียก้าวสู่ระดับโลกอีกด้วย รวมทั้งต้องใช้ฟอรั่มในการแก้ไขปัญหาที่เอเชียและโลกกำลังเผชิญอยู่ ดังนั้นจึงอาจกล่าวได้ว่าทุกประเทศต้องติดตามความเคลื่อนไหวของจีนอย่างใกล้ชิด โดยต้องปรับตัวให้รองรับและทันกับกระแสการเปลี่ยนแปลงจากจีน เพื่อให้ได้มาซึ่งผลประโยชน์ร่วมกัน ตลอดจนการรักษาไว้ซึ่งผลประโยชน์ที่สำคัญของประเทศตนเอง
ประมวลโดย : พันเอกไชยสิทธิ์ ตันตยกุล
ข้อมูลจากเว็บไซต์
http://www.xinhuanet.com/english/2018-05/16/c_137181411.htm
http://thai.cri.cn/247/2018/05/16/233s267176.htm
http://thai.cri.cn/247/2018/05/15/223s267133.htm
http://thai.cri.cn/247/2018/04/12/230s266221.htm