จีนศึกษา (วันพฤหัสบดีที่ ๒๑ ก.ค.๖๕) ขอนำเสนอข้อมูลเกี่ยวกับข้อเสนอของนายหวัง อี้ มนตรีแห่งรัฐและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศจีน ในการประชุมคณะกรรมการขับเคลื่อนความร่วมมือทวิภาคีจีน-เวียดนาม ครั้งที่ ๑๔ ซึ่งจัดขึ้นที่นครหนานหนิง เขตปกครองตนเองกว่างซีจ้วงของจีน เมื่อวันที่ ๑๓ ก.ค.๖๕ โดยมีนายฝ่าม บิ่งห์ มิงห์ รองนายกรัฐมนตรีเวียดนาม เป็นประธานการประชุมร่วม
นายหวัง อี้ กล่าวว่า การที่นายสี จิ้นผิง เลขาธิการคณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีน รักษาการแลกเปลี่ยนความเห็นเชิงยุทธศาสตร์กับนายเหงียน ฝู จ่อง เลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์เวียดนามนั้น เป็นการนำทางการพัฒนาความสัมพันธ์ระหว่างสองประทศ โดยหน่วยงานทุกระดับชั้นของสองฝ่ายควรใช้ความพยายามร่วมกัน ผลักดันความร่วมมือที่มุ่งผลจริงให้มีความคืบหน้าใหม่ อย่างต่อเนื่องในความร่วมมือเชิงปฏิบัติ ในปีนี้ จีนและเวียดนามต่างก็มีวาระทางการเมืองที่สำคัญภายในประเทศซึ่งควรเสริมสร้างการวางแผนและการประสานงานโดยรวมและพยายามร่วมกันเพื่อสร้างประชาคมที่มีอนาคตร่วมกันอย่างมีนัยสำคัญเชิงยุทธศาสตร์
นายหวัง อี้ เสนอแนะเกี่ยวกับการเสริมสร้างความร่วมมือทวิภาคี ได้แก่ (๑) ประการแรก เน้นความเป็นผู้นำ ด้วยฉันทามติระดับสูงที่สำคัญของทั้งสองฝ่ายและความร่วมมือเชิงยุทธศาสตร์อย่างรอบด้านระหว่างสองประเทศจะถูกผลักดันไปสู่ระดับใหม่ (๒) ประการที่สองคือ การเสริมสร้างยุทธศาสตร์ กระชับการแลกเปลี่ยนประสบการณ์ในการปกครองและการบริหารประเทศ เสริมสร้างความเข้มแข็งให้กับร่างกฎหมายและการแลกเปลี่ยนระหว่างพรรค และให้การสนับสนุนทางทฤษฎีที่เข้มแข็งสำหรับการพัฒนาสังคมนิยมของทั้งสองประเทศ (๓) ประการที่สามคือ การสะท้อนถึงลัทธิปฏิบัตินิยมอย่างเต็มที่กับความใกล้ชิดทางภูมิศาสตร์และอุตสาหกรรมเสริมของทั้งสองประเทศ ปลดปล่อยเงินปันผลของข้อตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาคที่ครอบคลุม รวมทั้งส่งเสริมการปรับปรุงและยกระดับความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการค้าระหว่างสองประเทศ (๔) ประการที่สี่คือ ส่งเสริมนวัตกรรม เสริมสร้างความร่วมมือด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ การพัฒนาสีเขียว พลังงานแสงอาทิตย์ และพลังงานสะอาด (๕) ประการที่ห้า รักษาความมั่นคง เสริมสร้างการแลกเปลี่ยนระหว่างบุคคลและวัฒนธรรม รวมทั้งรากฐานของมิตรภาพแบบทวิภาคี
นายหวัง อี้ กล่าวว่า มิตรภาพที่สืบทอดกันมาฉันมิตรสหายและพี่น้อง การยึดมั่นให้พรรคคอมมิวนิสต์เป็นพรรครัฐบาล และภารกิจร่วมกันที่จำเป็นต้องเดินบนเส้นทางสังคมนิยม นับเป็นแรงขับเคลื่อนทรงพลังที่เกิดขึ้นจากการพัฒนาความสัมพันธ์จีน-เวียดนาม โดยทั้งสองฝ่ายต้องมุ่งมั่นผลักดันเป้าหมายการพัฒนาและสร้างความรุ่งเรืองของตนเองอย่างเด็ดเดี่ยวแน่วแน่ คุ้มครองผลประโยชน์เชิงยุทธศาสตร์ของสองประเทศ จับมือกันรับมือการเปลี่ยนแปลงของสถานการณ์ภายในภูมิภาค และจัดการความท้ายระดับโลก
ทั้งนี้ หลังการประชุม ทั้งสองฝ่ายร่วมกันแถลงเกี่ยวกับการลงนามในข้อตกลงความร่วมมือทางเศรษฐกิจและเทคโนโลยี และเอกสารต่างๆ อาทิ การเกษตร สิ่งแวดล้อมทางทะเล และความร่วมมือทางทะเล เป็นต้น
ประมวลโดย พลโท ไชยสิทธิ์ ตันตยกุล
( ข้อมูลจากเว็บไซต์ https://www.mfa.gov.cn/wjbzhd/202207/t20220713_10719458.shtml )