bg-head-3

บทความ

จีนศึกษา (วันพฤหัสบดีที่ ๒๔ พ.ย.๖๕) ขอนำเสนอข้อมูลเกี่ยวกับนายหวัง อี้ มนตรีแห่งรัฐและรัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศจีน กล่าวถึงการเข้าร่วมของประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ในการประชุมสุดยอดผู้นำ G20 ครั้งที่ ๑๗

     จีนศึกษา (วันพฤหัสบดีที่ ๒๔ พ.ย.๖๕) ขอนำเสนอข้อมูลเกี่ยวกับนายหวัง อี้ มนตรีแห่งรัฐและรัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศจีน กล่าวถึงการเข้าร่วมของประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ในการประชุมสุดยอดผู้นำ G20 ครั้งที่ ๑๗ ที่เกาะบาหลี ประเทศอินโดนีเซีย และการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค ครั้งที่ ๒๙ ที่กรุงเทพฯ และการเยือนประเทศไทย ระหว่างวันที่ ๑๔ – ๑๙ พ.ย.๖๕ จากการเยือนครั้งนี้ ประชาคมระหว่างประเทศได้สัมผัสถึงท่าทีและความรู้สึกที่มีต่อโลกของประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ในฐานะผู้นำพรรคใหญ่และประเทศที่มีความสำคัญอีกครั้งหนึ่ง​ กล่าวคือ

     ๑. การอธิบายยุทธศาสตร์การบริหารประเทศและชี้ให้เห็นอนาคตที่สดใสของจีน
นายหวัง อี้ กล่าวว่า ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ได้แนะนำความสำเร็จที่สำคัญและภารกิจสำคัญของการประชุมสมัชชาแห่งชาติ ครั้งที่ ๒๐ ของพรรคคอมมิวนิสต์จีน โดยมุ่งเน้นที่การผสมผสานคุณลักษณะ ๕ ประการของการปรับปรุงให้ทันสมัยแบบจีน แสดงให้เห็นถึงความสำคัญระดับโลกในการพัฒนาของจีน

     ๒. การเป็นผู้นำทิศทางของการกำกับดูแลระดับโลกและวาดพิมพ์เขียวสำหรับความร่วมมือในเอเชีย-แปซิฟิก
นายหวัง อี้ กล่าวว่า ในปัจจุบัน การเปลี่ยนแปลงในศตวรรษกำลังเร่งตัวขึ้น การแพร่ระบาดในศตวรรษนั้นเกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำอีก และสถานการณ์ทางภูมิรัฐศาสตร์ก็ตึงเครียด ในฐานะที่เป็นเวทีพหุภาคีที่รวบรวมมหาอำนาจของโลกและภูมิภาคและเวทีสำคัญสำหรับความร่วมมือทางเศรษฐกิจระหว่างประเทศ G20 จำเป็นต้องแก้ไขอย่างเร่งด่วนเพื่อจัดการกับความท้าทายที่ยากลำบากต่อเศรษฐกิจโลก ซึ่งประธานาธิบดีสี จิ้นผิง เรียกร้องให้ทุกประเทศสร้างความรู้สึกของประชาคมที่มีอนาคตร่วมกันสำหรับมนุษยชาติ และสนับสนุนสันติภาพ การพัฒนา ความร่วมมือ และผลลัพธ์ที่ได้ทั้งสองฝ่าย โดยเฉพาะเกี่ยวกับวิกฤตอาหารและพลังงานที่เร่งด่วนที่สุดในปัจจุบัน โดยชี้ว่าต้นตอของวิกฤตไม่ใช่ปัญหาด้านการผลิตและอุปสงค์ แต่คือปัญหาห่วงโซ่อุปทานและความร่วมมือระหว่างประเทศที่หยุดชะงัก รวมทั้งได้เสนอแนวคิด "การพัฒนาที่แท้จริงคือการพัฒนาร่วมกันของทุกประเทศ" มาใช้ในการดำเนินการทางการทูต ซึ่งได้รับการตอบรับจากประชาชนและประเทศกำลังพัฒนา

     นายหวัง อี้ กล่าวว่า เอเปคเป็นเวทีที่สำคัญที่สุดสำหรับความร่วมมือทางเศรษฐกิจในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก ด้วยความเสี่ยงทางเศรษฐกิจโลกที่สะสมอย่างรวดเร็ว บางประเทศได้ดำเนินการตาม "ยุทธศาสตร์อินโด-แปซิฟิก" ทำให้ความร่วมมือในเอเชีย-แปซิฟิกประสบกับการแทรกแซงจากภายนอก ซึ่งประธานาธิบดี สี จิ้นผิง ชี้ว่า ภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิกไม่ใช่สนามหลังบ้านของใคร และไม่ควรกลายเป็นเวทีของมหาอำนาจ รวมทั้งยังได้แสดงแนวคิด ๖ ประการในการส่งเสริมความร่วมมือในเอเชีย-แปซิฟิกภายใต้สถานการณ์ใหม่ และเสนอให้สร้างรากฐานที่มั่นคงสำหรับการพัฒนาอย่างสันติ ยึดแนวคิดที่มีประชาชนเป็นศูนย์กลาง สร้างรูปแบบเปิดระดับสูงขึ้น บรรลุความเชื่อมโยงระหว่างกันในระดับที่สูงขึ้น และสร้างห่วงโซ่อุตสาหกรรมที่มั่นคงและราบรื่น รวมทั้งส่งเสริมการเพิ่มประสิทธิภาพทางเศรษฐกิจและการยกระดับ โดยจีนกำลังพิจารณาจัดการประชุมสุดยอดความร่วมมือระหว่างประเทศ "หนึ่งแถบ หนึ่งเส้นทาง" ครั้งที่ ๓ ในปีหน้า อันจะนำมาซึ่งโอกาสใหม่ ๆ และเพิ่มแรงผลักดันใหม่ ๆ ต่อการพัฒนาและความเจริญรุ่งเรืองของเอเชีย-แปซิฟิกและโลก คำกล่าวสุนทรพจน์ที่สำคัญของประธานาธิบดีสี จิ้นผิง แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นและวิสัยทัศน์ในการส่งเสริมการพัฒนาโลกในอนาคตด้วยการพัฒนาในอนาคตของจีน และนำไปสู่การฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกพร้อมกับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจเอเชีย-แปซิฟิก โดยได้รับการตอบรับและการสนับสนุนจากทุกฝ่ายในเชิงบวก ที่ประชุมได้รับรองเอกสารผลลัพธ์ ๒ ฉบับ ได้แก่ คำประกาศของผู้นำเอเปค และ "เป้าหมายกรุงเทพฯ สำหรับเศรษฐกิจสีเขียวแบบหมุนเวียน" ซึ่งสะท้อนข้อเสนอเชิงนโยบายของจีนในการสร้างประชาคมเอเชีย-แปซิฟิกที่มีอนาคตร่วมกันและแนวคิดการพัฒนาใหม่ๆ เพื่อเผชิญกับความท้าทายร่วมกัน รวมทั้งการมีส่วนร่วมและการสร้างพลังของประเทศสำคัญในความร่วมมือทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค

     ๓. การขับเคลื่อนความสัมพันธ์ระหว่างจีนกับสหรัฐฯ และแสดงให้เห็นถึงความรับผิดชอบของประเทศสำคัญๆ
นายหวัง อี้ กล่าวว่า ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา เพื่อตอบสนองต่อการตัดสินใจที่ผิดพลาดอย่างร้ายแรงต่อทิศทางยุทธศาสตร์เกี่ยวกับจีนโดยสหรัฐฯ และแนวโน้มเชิงลบต่างๆ ที่เกิดขึ้น จีนจึงได้เริ่มการต่อสู้อย่างเด็ดเดี่ยวเพื่อปกป้องสิทธิของตน โดยแสดงให้เห็นถึงเจตจำนงที่จะปกป้องการเป็นเจ้าของอำนาจอธิปไตย ความมั่นคง และผลประโยชน์ในการพัฒนา โดยประธานาธิบดีสี จิ้นผิง จัดการประชุมแบบตัวต่อตัวกับประธานาธิบดีโจ ไบเดนของสหรัฐฯ ในบาหลี และมีการสื่อสารเชิงลึกอย่างตรงไปตรงมาในประเด็นสำคัญเกี่ยวกับความสัมพันธ์จีน-สหรัฐฯ ตลอดจนสันติภาพและการพัฒนาของโลก ซึ่งสร้างสรรค์และเป็นยุทธศาสตร์ อีกทั้งประธานาธิบดี สี จิ้นผิง ได้วิเคราะห์สาระสำคัญของความสัมพันธ์จีน-สหรัฐฯ อย่างลึกซึ้ง และชี้ให้เห็นถึงความสำคัญในการปฏิบัติตามบรรทัดฐานของความสัมพันธ์ระหว่างประเทศและแถลงการณ์ร่วม ๓ ฉบับระหว่างจีน-สหรัฐฯ

     ๔. การสร้างเกณฑ์มาตรฐานของความเป็นเพื่อนบ้านที่ดีและมิตรภาพ และสร้างแบบจำลองของอนาคตร่วมกัน
นายหวัง อี้ กล่าวว่า อินโดนีเซียเป็นประเทศกำลังพัฒนาที่สำคัญซึ่งเป็นตัวแทนของตลาดเกิดใหม่และเป็นประเทศที่มีประชากรมุสลิมมากที่สุดในโลก ประธานาธิบดี สี จิ้นผิง และประธานาธิบดี โจโก วิโดโด ได้จัดการประชุมทวิภาคีที่สำคัญเกี่ยวกับการสร้างประชาคมจีน-อินโดนีเซีย ที่มีอนาคตร่วมกัน สำหรับประเทศไทยเป็นประเทศที่มีเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดในคาบสมุทรอินโดจีนและเป็นสมาชิกที่สำคัญของอาเซียน มีความใกล้ชิดทางภูมิศาสตร์ มีความสัมพันธ์ทางสายเลือด และวัฒนธรรมกับจีน อีกทั้งเป็นการเยือนประเทศไทยครั้งแรกของประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ในฐานะประธานประเทศ ซึ่งตรงกับวันครบรอบ ๑๐ ปีของการก่อตั้งหุ้นส่วนความร่วมมือทางยุทธศาสตร์อย่างรอบด้านระหว่างจีน-ไทย โดยได้พบปะหารืออย่างจริงใจและเป็นมิตรกับพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ซึ่งทั้งสองประเทศประกาศการจัดตั้งประชาคมจีน-ไทยที่มั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืน โดยมีอนาคตร่วมกัน" ทั้งสองฝ่ายออกแถลงการณ์ร่วมและลงนามในแผนปฏิบัติการร่วมกันสำหรับความร่วมมือเชิงยุทธศาสตร์ โดยตกลงที่จะส่งเสริมแนวคิดการพัฒนาของร่วมสามฝ่ายระหว่างจีน-ลาว-ไทย เร่งรัดการก่อสร้างทางรถไฟจีน-ไทย และสร้างเส้นทางรถไฟที่วิ่งผ่านคาบสมุทรอินโดจีนในอนาคต สิ่งนี้ไม่เพียงแต่จะช่วยพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศไทยเท่านั้น แต่ยังส่งเสริมความเชื่อมโยงและการพัฒนาที่ประสานกันในภูมิภาคด้วย ระหว่างที่พำนักในอินโดนีเซียและไทย ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง​ ยังได้แสดงความสนับสนุนให้อินโดนีเซียเป็นประธานหมุนเวียนของอาเซียนในปีหน้าและไทยจะรับตำแหน่งประธานร่วมของความร่วมมือล้านช้าง - แม่โขง โดยควรพยายามเน้นการพัฒนาและความร่วมมือ ส่งเสริมการสร้างประชาคมจีน-อาเซียนที่มีอนาคตร่วมกันอย่างใกล้ชิดยิ่งขึ้น

     ๕. การดำเนินการทูตการประชุมสุดยอดอย่างเข้มข้นและขยายความร่วมมือระดับโลก
นายหวัง อี้ กล่าวว่า ระหว่างการประชุมสุดยอด G20 และการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค ตั้งแต่บาหลีถึงกรุงเทพฯ ผู้นำของประเทศที่เข้าร่วมต่างตั้งตารอที่จะพบและแลกเปลี่ยนแบบตัวต่อตัวกับประธานาธิบดีสี จิ้นผิง โดยผู้นำประเทศต่างๆ กล่าวถึงความสัมพันธ์กับจีนในเชิงบวก และแสดงความตั้งใจอย่างแรงกล้าที่จะกระชับความร่วมมือกับจีนให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น

ประมวลโดย พลโท ไชยสิทธิ์ ตันตยกุล
( ข้อมูลจากเว็บไซต์ http://www.gov.cn/guowuyuan/2022-11/20/content_5727949.htm )