การแสดงจุดยืนของจีน และเจตนารมณ์ที่จะแสวงหาวิธีการแก้ไขที่เหมาะสม เพื่อรักษาและพัฒนาความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจการค้าจีน-สหรัฐฯ โดยเฉพาะคุ้มครองกลไกการค้าแบบพหุภาคีอย่างชัดเจน ซึ่งมีประเด็นที่น่าสนใจดังนี้
๑. นายเหลียน เหวยเหลียง รองผู้อำนวยการคณะกรรมการการพัฒนาและปฏิรูปแห่งชาติจีน กล่าวเมื่อวันที่ ๒๕ ก.ย.๖๑ ที่กรุงปักกิ่งว่า การที่สหรัฐฯ จะเพิ่มการเก็บภาษีอีก ๒ แสนล้านเหรียญสหรัฐฯ กับสินค้านำเข้าจากจีน ซึ่งย่อมจะส่งผลกระทบทั้งทางตรงและทางอ้อมต่อเศรษฐกิจจีน แต่โดยภาพรวมแม้จะได้รับผลกระทบ แต่ความเสี่ยงโดยทั่วไปสามารถควบคุมได้ ทั้งนี้ เนื่องจากเศรษฐกิจจีนมีความยืดหยุ่นและมีความต้องการจากภายในและส่งเสริมการพัฒนาด้วยคุณภาพสูง โดยเมื่อปีที่แล้ว ยอดเศรษฐกิจจีนมีมูลค่าสูงถึง ๑๒.๗ ล้านล้านเหรียญสหรัฐฯ การส่งออกกับต่างประเทศสูงถึง ๒.๒๖ ล้านล้านเหรียญสหรัฐฯ ซึ่งการเก็บภาษีจำนวน ๒ แสนล้านเหรียญสหรัฐฯ นั้น จึงคิดเป็นร้อยละ ๘.๘ ของยอดการส่งออกของจีนทั้งหมด และหากพิจารณาผลกระทบจากการค้าแปรรูป ยังจะส่งผลกระทบน้อยมากต่อมูลค่าที่เพิ่มขึ้น
๒. ในขณะที่ยังมีกลุ่มคนในสหรัฐฯ จำนวนหนึ่งพยายามเผยแพร่ข้อมูลว่า จีนทำให้สหรัฐฯ เกิดการขาดดุลการค้าต่อจีนจำนวนมาก ด้วยการแข่งขันที่ไม่ยุติธรรม โดยสหรัฐฯเป็นฝ่ายเสียเปรียบ ทำให้ นายฟู่ จื้ออิง ผู้แทนเจรจาการค้าระหว่างประเทศ และรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์จีนกล่าวที่กรุงปักกิ่ง เมื่อวันที่ ๒๕ ก.ย.๖๑ ว่า ข้อมูลดังกล่าวไม่เป็นความจริง โดยเฉพาะจำนวนขาดดุลทางการค้าระหว่างจีนกับสหรัฐฯเป็นเพียงความแตกต่างในยอดการค้าเท่านั้น ไม่ใช่ยอดกำไรหรือความเสียหาย ในห่วงโซ่อุตสาหกรรมทั่วโลก ดังนั้น จีนกับสหรัฐฯไม่ได้อยู่ในระดับเดียวกัน สหรัฐฯ อยู่ชั้นสูง ส่วนจีนอยู่ชั้นกลางและขั้นต้น ดังนั้น วิสาหกิจจีนส่วนใหญ่จึงหากำไรด้วยการแปรรูป ส่วนสหรัฐฯ ได้กำไรมหาศาลจากขั้นตอนการออกแบบ ผลิตชิ้นส่วน และการจัดจำหน่าย
๓. ข้อสังเกต
๓.๑ จากการที่สำนักงานสารนิเทศของคณะรัฐมนตรีจีน ได้ออกประกาศสมุดปกขาวเมื่อวันที่ ๒๐ ก.ย.๖๑ได้เปิดเผยข้อมูลที่เป็นจริงของข้อขัดแย้งทางการค้าระหว่างจีนกับสหรัฐฯ พร้อมกับจุดยืนของจีน โดยชี้แจงจุดยืน ของจีน ๘ ประการได้แก่ (๑) จีนยืนหยัดรักษาเกียรติและผลประโยชน์ของประเทศ (๒) จีนยืนหยัดผลักดันการพัฒนาความสัมพันธ์เศรษฐกิจการค้าระหว่างจีนกับสหรัฐฯ ให้เป็นปกติ (๓) จีนยืนหยัดรักษาและผลักดันการปฏิรูปเพื่อปรับปรุงระบบการค้าพหุภาคี (๔) จีนยืนหยัดคุ้มครองสิทธิทรัพย์สินและสิทธิทรัพย์สินทางปัญญา (๕) จีนรักษาสิทธิประโยชน์ที่ชอบด้วยกฎหมายของวิสาหกิจต่างประเทศในจีน (๖) จีนยืนหยัดลงลึกการปฏิรูปและเปิดประเทศ (๗) จีนยืนหยัดส่งเสริมความร่วมมือที่อำนวยประโยชน์ต่อกัน รวมทั้งการมีชัยชนะร่วมกันกับประเทศพัฒนาและประเทศกำลังพัฒนา และ (๘) จีนยืนหยัดผลักดันสร้างประชาคมที่มีอนาคตร่วมกัน
๓.๒ มีนักวิเคราะห์ได้ให้ข้อคิดเห็นว่า ความร่วมมือเป็นช่องทางที่ถูกต้องเพียงทางเดียวในการแก้ข้อขัดแย้งทางการค้าจีน-สหรัฐฯ โดยเฉพาะในกรณีวันที่ ๒๔ ก.ย.๖๑ ที่สำนักงานสารนิเทศคณะรัฐมนตรีจีนประกาศสมุดปกขาวเกี่ยวกับข้อเท็จจริงของข้อขัดแย้งทางการค้าระหว่างจีนกับสหรัฐฯ และจุดยืนของจีน โดยได้ทบทวนความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจการค้าจีน-สหรัฐฯ อย่างรอบด้านด้วยข้อเท็จจริงและสถิติจำนวนมาก โดยสมุดปกขาวเน้นว่า ความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจการค้าจีน-สหรัฐฯ ควรถือประโยชน์ร่วมกันและควรมีชัยชนะร่วมกันทั้งสองฝ่าย ในขณะที่การกระทำของสหรัฐฯ เป็นพฤติกรรมกีดกันทางการค้าและถือตนเป็นใหญ่ ทั้งนี้ จีนพยายามใช้สมุดปกขาวในการชี้แจงถึงจุดยืนของจีน โดยได้แสดงความตั้งใจและเจตนารมณ์ที่จะแสวงหาวิธีการแก้ไขที่เหมาะสม เพื่อรักษาและพัฒนาความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจการค้าจีน-สหรัฐฯ คุ้มครองกลไกการค้าแบบพหุภาคีอย่างชัดเจน
บทสรุป
แม้ว่าจะยังมองไม่เห็นช่องทางการเจรจาหารือเพื่อแก้ไขปัญหาข้อขัดแย้งทางการค้าระหว่างจีนกับสหรัฐฯ ที่ชัดเจนก็ตาม แต่ นายหวัง อี้ มนตรีแห่งรัฐ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศจีน ก็ได้มีโอกาสพบกับผู้รับผิดชอบจากคณะกรรมการความสัมพันธ์สหรัฐฯ – จีน และคณะกรรมการการค้าสหรัฐฯ – จีน และได้แลกเปลี่ยนความเห็นเกี่ยวกับความสัมพันธ์ และความร่วมมือด้านเศรษฐกิจการค้าระหว่างสองประเทศ เมื่อวันที่ ๒๔ ก.ย.๖๑ ที่ผ่านมา โดยเฉพาะการที่จีนมีจุดยืนชัดเจนเกี่ยวกับปัญหาข้อขัดแย้งทางการค้าระหว่างจีน-สหรัฐฯ ว่า การต่อสู้ทางการค้าไม่อาจแก้ไขปัญหาได้ มีแต่จะทำลายผู้อื่นรวมทั้งตัวเองด้วย
ประมวลโดย : พันเอกไชยสิทธิ์ ตันตยกุล
ข้อมูลจากเว็บไซต์
http://thai.cri.cn/247/2018/09/25/230s271545.htm
http://thai.cri.cn/247/2018/09/25/225s271529.htm
http://thai.cri.cn/247/2018/09/24/230s271495.htm
http://thai.cri.cn/247/2018/09/15/121s271229.htm
http://thai.cri.cn/247/2018/09/25/101s271558.htm
http://thai.cri.cn/247/2018/09/25/225s271524.htm
http://www.chinadailyhk.com/articles/55/108/120/1537928565889.html?newsId=49102