ซึ่งมีประเด็นที่น่าสนใจดังนี้
๑. นายกรัฐมนตรีทั้งสองประเทศได้ร่วมกันเป็นสักขีพยานในพิธีลงนามความเข้าใจระหว่างไทย-จีน รวม ๓ ฉบับ ได้แก่ (๑) .บันทึกความเข้าใจว่าด้วยการส่งเสริมความร่วมมือด้านวิทยาศาสตร์ วิชาการและนวัตกรรม (๒) บันทึกความเข้าใจว่าด้วยการแลกเปลี่ยนข่าวและข้อมูลข่าวสารระหว่างกรมประชาสัมพันธ์ กับสำนักข่าวซินหัว และ (๓) บันทึกความเข้าใจระหว่างบริษัท เอสซีจี จำกัด มหาชน กับศูนย์ความร่วมมือทางนวัตกรรมแห่งสถาบันบันฑิต ก่อนแถลงข่าวร่วมกัน
๒. พล.อ.ประยุทธ์ฯ กล่าวในประเด็นต่าง ๆ ว่า
๒.๑ ในนามของรัฐบาลไทยและประชาชนชาวไทย รู้สึกยินดีและเป็นเกียรติที่ได้ต้อนรับ นายกรัฐมนตรีหลี่ เค่อเฉียง ในการเยือนไทยอย่างเป็นทางการในฐานะแขกของรัฐบาล ซึ่งเป็นการเยือนที่เกิดขึ้นในปีที่มีความสำคัญ เป็นปีที่ไทยได้จัดพระราชพิธีบรมราชาภิเษก พุทธศักราช ๒๕๖๒ มีการจัดตั้งรัฐบาลใหม่ที่มาจากการเลือกตั้ง รวมถึงเป็นประธานอาเซียน ขณะที่จีนก็เฉลิมฉลองการครบรอบ ๗๐ ปีแห่งการก่อตั้งสาธารณรัฐประชาชนจีนเมื่อวันที่ ๑ ต.ค. ที่ผ่านมา
๒.๒ ในสภาวะความผันแปรของสภาวะเศรษฐกิจโลก นายกรัฐมนตรีและนายกรัฐมนตรีหลี่ เค่อเฉียง ได้หารือกันอย่างกว้างขวางทั้งในเรื่องเศรษฐกิจ การเมืองและความมั่นคง วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรม และสังคมและวัฒนธรรม ตลอดจนสถานการณ์ในภูมิภาคและในโลก โดยเห็นความสำคัญของการส่งเสริมให้เกิดความเชื่อมโยงระหว่างกันมากขึ้น โดยเฉพาะระหว่างยุทธศาสตร์และกรอบความร่วมมือด้านความเชื่อมโยงต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นแผนแม่บทว่าด้วยความเชื่อมโยงระหว่างกันในอาเซียน ค.ศ.๒๐๒๕ (MPAC 2025) และ ACMECS เป็นต้น กับข้อริเริ่ม “หนึ่งแถบ หนึ่งเส้นทาง” ของจีน ซึ่งก็คล้องกับยุทธศาสตร์ “Connecting the Connectivities” ที่ไทยเสนอ และยังเห็นพ้องที่จะเชื่อมระหว่างเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ของไทยกับกรอบความร่วมมือเขตอ่าวกวางตุ้ง –มาเก๊า – ฮ่องกง (GBA) ของจีนผ่านโครงการความร่วมมือที่เป็นรูปธรรม โดยทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องที่จะจัดตั้งกลไกหารือระดับสูงระหว่างกันเพื่อขับเคลื่อนเรื่องนี้ โดยได้เชิญชวนให้จีนขยายการลงทุนในไทย ขณะเดียวกัน ก็ได้ฝากให้นายกรัฐมนตรีจีน ช่วยดูแลภาคเอกชนไทยที่ลงทุนในจีน และดูแลเรื่องสินค้าเกษตร โดยเฉพาะข้าวและยางพารา
๒.๓ ความตั้งใจของรัฐบาลไทยที่จะปรับปรุงมาตรฐานการให้ความคุ้มครองและดูแลนักท่องเที่ยว ขณะที่ท่านนายกรัฐมนตรีหลี่ เค่อเฉียง ได้แสดงความพร้อมที่จะถ่ายทอดแนวปฏิบัติที่ดีของจีนในเรื่องการขจัดความยากจนให้ไทย และทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องที่จะส่งเสริมความร่วมมือด้านเศรษฐกิจดิจิทัลและเมืองอัจฉริยะ เพื่อสนับสนุนนโยบายไทยแลนด์ ๔.๐ และแลกเปลี่ยนประสบการณ์ด้านการแก้ไขปัญหาหมอกควันและฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 ในด้านการเมืองและความมั่นคง ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องกันให้ส่งเสริมความร่วมมือด้านการต่อต้านอาชญกรรมข้ามชาติ และจะสนับสนุนการดำเนินความร่วมมือด้านการบังคับใช้กฎหมายการเยือนไทยของท่านนายกรัฐมนตรีหลี่ฯ และการลงนามความตกลงต่าง ๆ ระหว่างทั้งสองฝ่าย ได้สะท้อนถึงพัฒนาการของความเป็นหุ้นส่วนความร่วมมือเชิงยุทธศาสตร์อย่างรอบด้านระหว่างไทย – จีน ที่จะเป็นประโยชน์ต่อการสร้างความเจริญรุ่งเรืองของทั้งสองประเทศ ประชาชนและภูมิภาคโดยรวม
๓. นายหลี่ เค่อเฉียง กล่าวในประเด็นต่าง ๆ ว่า
๓.๑ ขอบคุณที่ทางการไทยให้การต้อนรับอย่างมีน้ำใจ ซึ่งวันนี้ได้หารือกันหลายประเด็นจนประสบความสำเร็จตามที่นายกรัฐมนตรีไทยได้แจ้งให้ทุกคนทราบแล้ว ทั้งสองฝ่ายได้บรรลุการส่งเสริมความร่วมมือระหว่างกัน สร้างความไว้เนื้อเชื่อใจด้านการเมือง โดยจีนพร้อมผลักดันไทยทุกเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นโครงการ EEC รวมถึงส่งเสริมเสริมความร่วมมือด้านการค้าข้าว อีคอมเมิร์ซ รวมถึงโครงการรถไฟความเร็วสูงไทย-จีน ซึ่งจีนมีศักยภาพในการส่งเสริมการพัฒนาของไทยเป็นอย่างมาก โดยช่วงที่มาเยือนประเทศไทย ได้เห็นเรือพาณิชย์วิ่งอยู่ในแม่น้ำเจ้าพระยาจำนวนมาก ทำให้คิดว่าหากทางการไทย-จีน ร่วมมือกัน จะเปรียบเสมือนเป็นเรือใหญ่ วิ่งเร็ว วิ่งไกลอย่างมั่นคง ซึ่งในอนาคตจะต้องวิ่งให้เร็วเหมือนเรือหางยาวอีกด้วย
๓.๒ ขอแสดงความยินดีกับไทยอีกครั้งที่ประสบความสำเร็จในการเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ ๓๕ ขณะที่เมื่อวันวาน ได้มีการประชุมผู้นำ ๑๕ ประเทศผ่านเวที RCEP และได้บรรลุข้อตกลงร่วมกัน จะเห็นได้ว่าในภูมิภาคนี้มีประชากรมากที่สุด มีศักยภาพในการพัฒนามากที่สุด และมีความพร้อมในการสร้างเขตการค้าเสรีในภูมิภาคเอเชียตะวันออก ภายใต้สถานการณ์เศรษฐกิจโลกชะลอตัว แต่จะต้องร่วมมือกันในการรักษาความมั่นคงเพื่อพัฒนาภูมิภาค เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตประชาชนต่อไป ซึ่งการหาแสวงหาความร่วมมือในเวที RCEP ต้องใช้ความขยันหมั่นเพียรและอดทน การเจรจาระหว่างกันก็เหมือนการเตะบอลเข้าประตู ซึ่งขณะนี้บอลกำลังจะเข้าประตูแล้ว จึงได้ย้ำกับนายกรัฐมนตรีไทยไปว่า ต้องใช้ความพยายามร่วมกันต่อไป ต้องผลักดันให้ลูกบอลตกลงสู่พื้น เพื่อเข้าประตูไปในเร็ววัน และมั่นใจว่าในปีหน้า RCEP จะประกาศข้อตกลงร่วมกันอย่างเป็นทางการ และคิดว่าบอลที่เตะเข้าประตูไปแล้วจะเปิดกว้างไปสู่ทุกประเทศทั่วโลก ซึ่งรวมถึงเรื่องอื่น ๆ ด้วย
๓.๓ จีนยังคงแสวงหาความร่วมมือกับไทยต่อไป สร้างมิตรภาพระหว่างกันให้แน่นแฟ้นมากยิ่งขึ้น จีนจะเคารพบทบาทการเป็นศูนย์กลางอาเซียนของไทย ซึ่งได้พูดไปตั้งแต่แรกแล้วว่า จีนกับไทยได้ร่วมพายเรือลำเดียวกัน ถือเป็นพี่น้องกัน มีความสัมพันธ์แน่นแฟ้นต่อกัน ต่อไปเราจะมุ่งไปข้างหน้าที่มีอนาคตกว้างไกลรออยู่ โดยอาศัยหลักการที่มีความเสมอภาคต่อกัน เป็นหุ้นส่วนที่ดีต่อกัน
บทสรุป
พลเอก ประยุทธ์ฯ ได้ฝากสุภาษิตจีนให้กับนายหลี่ เค่อเฉียง ว่า “มดน้อยบางครั้งก็สามารถช่วยพญาราชสีห์และพญาคชสารได้ ซึ่งนี่คือสุภาษิตไทยที่ขอฝากไว้ และอยากฟังสุภาษิตจีนบ้าง ซึ่งนายหลี่ เค่อเฉียง กล่าวว่า ได้พูดตั้งแต่แล้วว่าจีนกับไทยได้นั่งเรือลำเดียวกัน ซึ่งทั้งจีนและไทยมีความเหมือนกันซึ่งถ้าดูจากประชากรและสภาพทางการเมือง การต่างประเทศ ก็ตรงกันต้องเผชิญหน้ากับความท้าทายต่าง ๆ เราจึงต้องมุ่งไปข้างหน้า เพื่อให้มีอนาคตที่กว้างไกลมากยิ่งขึ้น โดยต้องอาศัยหลักการความเสมอภาคต่อกันเอื้อประโยชน์ต่อกัน เป็นหุ้นส่วนที่ดี และมีความเจริญก้าวหน้าด้วยกัน แม่น้ำเจ้าพระยาก็สามารถเชื่อมต่อไปถึงประเทศจีนได้ ซึ่งทั้งสองประเทศก็จะเจริญก้าวหน้าไปด้วยกัน
ประมวลโดย พลตรี ไชยสิทธิ์ ตันตยกุล
ข้อมูลจากเว็บไซต์
https://www.khaosod.co.th/politics/news_3031903
https://mgronline.com/politics/detail/9620000106135