bg-head-3

บทความ

จีนศึกษา วันพุธที่ ๑๙ ธ.ค.๖๑ : หัวข้อการประชุมเชิงสัมมนาทางวิชาการของศูนย์อาเซียนศึกษา

หัวข้อการประชุมเชิงสัมมนาทางวิชาการของศูนย์อาเซียนศึกษา สถาบันวิชาการป้องกันประเทศ เรื่อง “ทิศทางของจีนต่อ อินโด-แปซิฟิก” เพื่อประกอบการประชุมเชิงสัมมนาฯ เรื่อง “สถานการณ์ความมั่นคงในภูมิภาคอาเซียนและอินโด-แปซิฟิก : ผลกระทบต่อไทยและอาเซียน” ในระหว่างวันที่ ๑๗ – ๑๙ ธ.ค.๖๑ (ตอนที่ ๓ – จบ) ซึ่งมีประเด็นที่น่าสนใจดังนี้

๑. การมีส่วนร่วมของจีนในกลไกหลักเพื่อความร่วมมือแบบพหุภาคีของภูมิภาค โดยอาจแบ่งออกตามกรอบความร่วมมือต่างๆ ที่ระบุไว้ในเอกสารสมุดปกขาวด้านการป้องกันประเทศของจีนเรื่อง “China’s Policies on Asia-Pacific Security Cooperation” อันได้แก่
        ๑.๑ กรอบความร่วมมือจีน-อาเซียน ซึ่งจีนคำนึงถึงอาเซียนเป็นเพื่อนบ้านในลำดับแรก และสนับสนุนการรวมตัวกันของอาเซียนเป็นประชาคมเดียวกัน เพื่อเป็นศูนย์กลางของความร่วมมือในภูมิภาค ทั้งนี้ ด้วยหลักการพื้นฐานของการเคารพซึ่งกันและกัน ความเสมอภาคกัน การเป็นเพื่อนบ้านที่ดี และมีความร่วมมือเพื่อผลประโยชน์ร่วมกัน
        ๑.๒ กรอบความร่วมมือระหว่างอาเซียนกับประเทศคู่เจรจา (๑๐+๓) ซึ่งความร่วมมือ ๑๐+๓ เป็นความร่วมมือระหว่างอาเซียนกับกลุ่มประเทศในเอเชียตะวันออก ภายใต้แผนงานความร่วมมือปี ค.ศ.๒๐๑๓ – ๒๐๑๗ อันเป็นความก้าวหน้ามาจากความริเริ่มเชียงใหม่ (Chiang Mai Initiative) อันเป็นกระบวนการแบบพหุภาคีที่จะเพิ่มศักยภาพทางเศรษฐกิจ ซึ่งจีนมุ่งผลักดันการเจรจาต่อรองทางการค้า การลงทุนและการบริการ ให้ยกระดับไปสู่รูปแบบความร่วมมือในการขยายการค้าและการลงทุน ภายใต้กรอบความร่วมมือเป็นหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจในระดับภูมิภาค (the Regional Comprehensive Economic Partnership: RCEP) หรือ ๑๐+๖
        ๑.๓ กรอบความร่วมมือจีน-ญี่ปุ่น-เกาหลีใต้ ซึ่งเมื่อวันที่ ๑ พฤศจิกายน ค.ศ.๒๐๑๕ จีน ญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ ได้จัดให้มีการประชุมความร่วมมือสามฝ่ายขึ้นที่กรุงโซล ประเทศเกาหลีใต้ เพื่อพัฒนาความสัมพันธ์สามฝ่าย และแลกเปลี่ยนความร่วมมือด้านต่างๆ ในอนาคต
        ๑.๔ กรอบการประชุมสุดยอดเอเชียตะวันออก (East Asia Summit: EAS) การประชุมสุดยอดเอเชียตะวันออกเป็นการประชุมระดับผู้นำประเทศ เพื่อความร่วมมือในการพัฒนาด้านเศรษฐกิจ และความร่วมมือด้านความมั่นคงทางการเมือง ซึ่งเป็น ๒ จักรกลที่มีแรงขับก่อให้เกิดความร่วมมืออย่างประสานสอดคล้องกันของทุกฝ่าย
        ๑.๕ กรอบการประชุมอาเซียนว่าด้วยความร่วมมือด้านการเมืองและความมั่นคงในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก (ASEAN Regional Forum: ARF) เป็นเวทีปรึกษาหารือเพื่อส่งเสริมความร่วมมือด้านการเมืองและความมั่นคง ระดับพหุภาคีในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก และพัฒนาแนวทางการ ดำเนินการทางการทูตเชิงป้องกัน (Preventive Diplomacy) ที่มุ่งป้องกันการเกิดและขยายตัวของความขัดแย้ง โดยใช้มาตรการสร้างความไว้เนื้อเชื่อใจ (Confidence Building Measures - CBMs) ระหว่างกัน โดยเฉพาะเพื่อความร่วมมือในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับความมั่นคงในรูปแบบใหม่ (Non-Traditional Security)
        ๑.๖ กรอบการประชุมรัฐมนตรีกลาโหมอาเซียนกับประเทศคู่เจรจา (ASEAN Defence Ministers’ Meeting Plus: ADMM-Plus) เป็นกลไกในระดับสูงที่จะสนับสนุนต่อความร่วมมือในการสร้างความไว้เนื้อเชื่อใจซึ่งกันและกัน รวมทั้งส่งเสริมความร่วมมือด้านกลาโหม
        ๑.๗ กรอบการประชุมกรอบความร่วมมือแม่น้ำล้านช้าง-แม่น้ำโขง (Lancang-Mekong Cooperation: LMC) ซึ่งเป็นข้อริเริ่มของไทยที่ต้องการส่งเสริมให้อนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขงมีการเจริญเติบโตอย่างต่อเนื่องและพัฒนาอย่างยั่งยืน โดยครอบคลุมความร่วมมือระหว่างกันอย่างรอบด้าน
        ๑.๘ กรอบองค์การความร่วมมือเซี่ยงไฮ้ (Shanghai Cooperation Organization: SCO) เป็นองค์การที่รวมตัวกันเพื่อความร่วมมือทางการเมือง ความมั่นคง เศรษฐกิจ และวัฒนธรรม ประกอบด้วยสมาชิก ๘ ประเทศ คือ จีน รัสเซีย คาซัคสถาน คีร์กิซสถาน ทาจิกิสถาน อุซเบกิสถาน อินเดีย และปากีสถาน
        ๑.๙ กรอบการประชุมว่าด้วยการส่งเสริมปฏิสัมพันธ์และมาตรการสร้างความไว้เนื้อเชื่อใจระหว่างประเทศในภูมิภาคเอเชีย (Conference on Interaction and Confidence-Building Measures in Asia: CICA) เพื่อแลกเปลี่ยนความเห็นเกี่ยวกับสถานการณ์ด้านการเมืองและความมั่นคง ความร่วมมือด้านเศรษฐกิจและการพัฒนา ตลอดจนการรับมือกับภัยคุกคามและความท้าทายรูปแบบใหม่ของภูมิภาค

๒. กิจกรรมสำหรับความร่วมมือด้านความมั่นคงโดยเฉพาะความมั่นคงในรูปแบบใหม่ของภูมิภาค ซึ่งจีนได้เข้ามีส่วนร่วม เช่น (๑) การบรรเทาภัยพิบัติ (๒) ความร่วมมือในการต่อต้านการก่อการร้าย (๓) ความร่วมมือในการต่อสู้กับอาชญากรรมข้ามชาติ (๔) ความมั่นคงทางไซเบอร์ (๕) ความร่วมมือเกี่ยวกับความมั่นคงทางทะเล (๖) ความร่วมมือในการลดและไม่แพร่ขยายอาวุธ เป็นต้น

บทสรุป

สัมพันธภาพระหว่างจีนกับประเทศในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิกดูเหมือนจะมีความซับซ้อน และคาบเกี่ยวพัวพันกับประเด็นทางการเมืองและสังคมวัฒนธรรม รวมทั้งการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจของจีน โดยเฉพาะกรณีที่ประเทศไทยจะรับหน้าที่เป็นประธานอาเซียนในปีหน้า โดยจีนน่าจะเล็งเห็นถึงผลประโยชน์ที่จะได้รับจากประเทศไทยอย่างน้อย ๒ ประการ คือ ประการแรก ไทยเป็นเส้นทางเชื่อมต่อสู่มาเลเซียและสิงคโปร์ อันเกื้อกูลต่อจีนในการเชื่อมมหาสมุทรแปซิฟิกกับมหาสมุทรอินเดียเพื่อป้องกันการถูกปิดล้อมจากมหาอำนาจนอกภูมิภาคได้ และประการที่สอง ไทยเป็นกัลยาณมิตรทางการเมืองที่มีน้ำหนักความน่าเชื่อถือ ในการช่วยเหลือจีนแก้ไขปัญหาข้อพิพาทในทะเลจีนใต้ได้ นอกจากนี้ ประเทศไทยมีศักยภาพที่เป็นกลางต่อการสร้างสรรค์ความร่วมมือระหว่างอาเซียนกับจีน ซึ่งจะช่วยยกระดับสถานะของจีนในเวทีประชาคมโลกได้ ซึ่งจะเกื้อกูลต่อการดำเนินนโยบายของจีนในภูมิภาค และสามารถรองรับต่อการเปลี่ยนแปลงที่อาจจะเกิดขึ้นจากอิทธิพลของแนวคิดทางยุทธศาสตร์ว่าด้วย “อินโด-แปซิฟิก” ได้อย่างเป็นรูปธรรมยิ่งขึ้น

ประมวลโดย : พลตรีไชยสิทธิ์ ตันตยกุล

ข้อมูลจาก  The State Council Information Office of the People’s Republic of China . 2017. China’s Policies on Asia-Pacific Security Cooperation. Beijing : Foreign Languages Press Co.Ltd. 

ข้อมูลจากเว็บไซต์

http://www.manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9600000040698 

http://thai.cri.cn/247/2017/04/17/223s252946.htm

https://themomentum.co/us-mike-pompeo-is-advancing-a-free-and-open-indo-pacific/