มีประเด็นที่น่าสนใจดังนี้
๑. เมื่อวันที่ ๒๘ ก.ค.๖๒ สำนักงานสถิติแห่งชาติจีนประกาศสถิติในขั้นต้นว่า เมื่อปี ๒๐๑๘ (พ.ศ.๒๕๖๑) ความใหม่ ๓ ด้านทางเศรษฐกิจทั่วประเทศของจีนได้เพิ่มขึ้น ๑๔.๕๓๖๙ ล้านล้านหยวน คิดเป็น ๑๖.๑% ของ GDP เพิ่มขึ้นกว่าปีที่แล้ว ๐.๓% โดยความใหม่ ๓ ด้านทางเศรษฐกิจดังกล่าว ประกอบด้วย
(๑) อุตสาหกรรมใหม่ คือเศรษฐกิจแบบใหม่ที่ใช้วิทยาศาสตร์เทคโนโลยีใหม่และมีขนาดค่อนข้างใหญ่
(๒) สภาพการประกอบกิจการใหม่ คือสภาวะใหม่ ห่วงโซ่ใหม่
(๓) รูปแบบใหม่ทางพาณิชย์ คือกิจการใหม่ที่เกิดขึ้นจากอุตสาหกรรมเดิม แต่สอดคล้องกับความต้องการทางผลิตภัณฑ์หรือการบริการที่มีความหลากหลายและมีลักษณะเด่น รวมทั้งอาศัยการประดิษฐ์คิดสร้างและประยุกต์ใช้เทคโนโลยีใหม่
๒. ข้อมูลทางสถิติ พบว่า ในช่วงครึ่งแรกปีนี้ อุตสาหกรรมและเศรษฐกิจจีนมีการพัฒนาอย่างมั่นคงโดยทั่วไป โดยมูลค่าเพิ่มด้านอุตสาหกรรมของวิสาหกิจทั่วประเทศจีนเพิ่มขึ้น ๖% เมื่อเทียบกับระยะเดียวกันของปีที่แล้ว โดยอุตสาหกรรมการผลิตเทคโนโลยีไฮเทคของจีนมีมูลค่าเพิ่ม ๙% เร็วกว่าอุตสาหกรรมการผลิตทั่วไป ๓% นอกจากนี้ การปรับเปลี่ยนรูปแบบจากพลังงานเก่าเป็นพลังงานใหม่นั้นดำเนินไปอย่างราบรื่น โดยกิจการส่วนตัวมีมูลค่าเพิ่ม ๘.๗% ในขณะที่วิสาหกิจอุตสาหกรรมขนาดกลางและขนาดย่อมมีมูลค่าเพิ่ม ๘.๑% ซึ่งถือว่ามีสภาพการดำเนินการที่ปรับเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้น
บทสรุป
ภายใต้สถานการณ์ความเสี่ยงและความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจโลกที่เพิ่มขึ้น แต่เมื่อวันที่ ๑๕ ก.ค.๖๒ สำนักข่าว Reuters ได้รายงานว่า เศรษฐกิจของจีนในช่วงครึ่งปีแรกนี้ ทำให้คนมีกำลังใจและแรงจูงใจที่เพิ่มขึ้น อันเป็นเหตุให้หุ้นในตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวสูงขึ้น ทั้งนี้ เนื่องจากเศรษฐกิจของจีนที่ใหญ่เป็นอันดับสองของโลกเริ่มมีเสถียรภาพมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะการที่จีนจะประกาศใช้มาตรการใหม่ ๑๒ ประการ เพื่อขยายการเปิดกว้างของธุรกิจธนาคารและประกันภัย ด้วยการเน้นหลักการเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันต่อทุนต่างชาติ รวมทั้งการเปิดกว้างเพื่อให้สถาบันการเงินทุนต่างชาติเข้าสู่ตลาดจีนได้ง่าย และการขยายขอบเขตการประกอบกิจการทุนต่างชาติในจีน ในขณะที่กรุงปักกิ่งซึ่งเป็นเมืองหลวงของจีนก็กำลังจะออก ๑๐ มาตรการสำคัญ เพื่อผลักดันกระบวนการเปิดสู่ภายนอกด้านการเงิน เช่น เปิด “ช่องทางสีเขียว” เพื่ออำนวยความสะดวกสำหรับการจดทะเบียนองค์กรการลงทุนต่างชาติ และจัดตั้ง “ช่องทางสีเขียว”พิเศษสำหรับการนำเข้าบุคลากรมืออาชีพด้านองค์กรการเงินของต่างชาติ เป็นต้น จึงทำให้นักวิเคราะห์มีความเห็นว่า ความยืดหยุ่นและพลังของเศรษฐกิจจีนจะช่วยผลักดันให้เศรษฐกิจโลกเติบโต โดยจีนจะยังคงมีบทบาทต่อการขับเคลื่อนเศรษฐกิจโลกต่อไป
ประมวลโดย พลตรี ไชยสิทธิ์ ตันตยกุล
ข้อมูลจาก
http://www.globaltimes.cn/content/1159438.shtml
http://thai.cri.cn/20190725/3a612f90-c935-4d17-3f1b-50638fbdc196.html
http://thai.cri.cn/20190729/9fa7756b-ca81-ac75-b05a-d67f2115a30d.html
http://thai.cri.cn/20190729/c69fef3b-7bbb-7701-e14d-67a0d4d52b55.html
http://thai.cri.cn/20190724/efbabe34-5c92-9d64-d552-babe8c9893aa.html
http://thai.cri.cn/20190503/5a52342b-ed5c-ec38-b1b8-2b58bb6cb9fc.html