ความเคลื่อนไหวของประธานาธิบดี สี จิ้นผิง ของจีนที่ร่วมรับประทานอาหารค่ำ และพบปะเจรจากับนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่กรุงบัวโนสไอเรส ประเทศอาร์เจนตินา เมื่อวันที่ ๑ ธ.ค.๖๑ ซึ่งมีประเด็นที่น่าสนใจดังนี้
๑. ในภาพรวม ผู้นำทั้งสองประเทศได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างจีน-สหรัฐฯ และประเด็นปัญหาระหว่างประเทศที่สำคัญท่ามกลางบรรยากาศ การพูดคุยอย่างตรงไปตรงมาและด้วยไมตรีจิตมิตรภาพ โดยได้บรรลุความเห็นว่า จะขยายความร่วมมือบนพื้นฐานที่เกื้อกูลกัน และอำนวยประโยชน์แก่กัน จะควบคุมข้อขัดแย้งบนพื้นฐานที่เคารพกัน และจะร่วมกันผลักดันความสัมพันธ์ระหว่างจีน-สหรัฐฯ แบบมีการประสานงาน
๑.๑ ประธานาธิบดี สี จิ้นผิง เน้นว่า จีน-สหรัฐฯได้แบกรับภาระหน้าที่สำคัญในการส่งเสริมสันติภาพและความเจริญรุ่งเรืองของโลก ความสัมพันธ์ระหว่างจีน-สหรัฐฯที่ดีจะเป็นประโยชน์ขั้นพื้นฐานของประชาชนทั้งสองประเทศและก็เป็นความปรารถนาของประชาคมโลก ซึ่งความร่วมมือเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด
๑.๒ ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ เห็นด้วยกับประธานาธิบดี สี จิ้นผิง ในเรื่องของความสัมพันธ์ระหว่างจีน-สหรัฐฯ และกล่าวว่า ความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯ-จีนมีความพิเศษและสำคัญ สหรัฐฯ-จีนต่างเป็นประเทศที่มีบทบาทสำคัญในโลก ทั้งสองฝ่ายรักษาความสัมพันธ์ที่ร่วมมือกันด้วยดี ถือเป็นประโยชน์ต่อทั้งสองประเทศและโลก สหรัฐฯ ยินดีที่จะหารือกับจีน เพื่อกระชับความร่วมมือของทั้งสองฝ่าย สำหรับปัญหาระหว่างสองประเทศที่เกิดขึ้น จะพยายามหาทางแก้ไข ซึ่งเป็นทางที่เป็นประโยชน์ต่อทั้งสองประเทศ
๑.๓ ต่อกรณีปัญหาเศรษฐกิจ และการค้า ซึ่งประธานาธิบดี สี จิ้นผิง เน้นว่า จีน-สหรัฐฯเป็นเขตเศรษฐกิจที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก การไปมาหาสู่กันทางเศรษฐกิจ การค้าระหว่างจีน-สหรัฐฯมีความใกล้ชิดกันมาก โดยสองประเทศต้องพึ่งพาอาศัยกัน การที่จีน-สหรัฐฯมีข้อขัดแย้งในด้านเศรษฐกิจและการค้าถือเป็นเรื่องปกติ และฝ่ายจีนยังแสดงท่าทีว่า ยินดีที่จะเปิดตลาดและเพิ่มการนำเข้ามากขึ้น ซึ่งจะเป็นไปตามกระบวนการการปฏิรูป เปิดประเทศ รวมทั้งพิจารณาถึงความต้องการของตลาดภายในประเทศ และความต้องการของประชาชน
๑.๔ ต่อกรณีปัญหาไต้หวัน ซึ่งประธานาธิบดี สี จิ้นผิง ได้บรรยายสรุปหลักการและจุดยืนของจีนในปัญหาไต้หวัน โดยที่ผู้นำสหรัฐฯ กล่าวว่า รัฐบาลสหรัฐฯ จะยึดมั่นในนโยบายจีนเดียวต่อไป
๑.๕ ประเด็นปัญหาระหว่างประเทศ และภูมิภาคที่สำคัญ เช่น ปัญหาคาบสมุทรเกาหลี โดยจีนสนับสนุนผู้นำสหรัฐฯ-เกาหลีเหนือเพื่อพบปะเจรจาอีกครั้ง และหวังให้ สหรัฐฯ-เกาหลีเหนือ หันหน้าเข้าหากัน ตลอดจนคำนึงถึงสิ่งที่อีกฝ่ายหนึ่งให้ความสำคัญพิเศษอย่างสมเหตุสมผล โดยเฉพาะการขับเคลื่อนกระบวนการปลอดนิวเคลียร์ และการสร้างกลไกสันติภาพบนคาบสมุทรเกาหลี ซึ่งสหรัฐฯ ชื่นชมจีนที่ได้แสดงบทบาทสำคัญในประเด็นนี้ และหวังว่า จะรักษาการติดต่อประสานงานกับจีนในประเด็นนี้
๒. ประเด็นสำคัญของการเห็นพ้องร่วมกันของผู้นำจีนกับผู้นำสหรัฐฯ
๒.๑ ความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจและการค้าที่มั่นคงและเป็นปกตินั้น สอดคล้องกับผลประโยชน์ร่วมกันของทั้งสองประเทศตลอดจนทั่วโลก
๒.๒ ปัญหาเศรษฐกิจการค้า ที่ทั้งสองฝ่ายตกลงกันว่า จะหยุดใช้มาตรการจำกัดการค้า รวมถึงการยกระดับภาษี ไม่เพิ่มอัตราภาษีที่เจาะจงต่อกัน และจะไม่ใช้มาตรการเพิ่มภาษีใหม่ต่อสินค้าอื่นๆ
๒.๓ ทั้งสองฝ่ายยังเห็นด้วยที่จะแก้ไขปัญหาร่วมกัน ตามเจตนารมณ์ที่ให้ความเคารพต่อกัน และเสมอภาคเท่าเทียมกัน ฝ่ายจีนจะปฏิบัติตามข้อเรียกร้องของสมัชชาที่ ๑๙ ของพรรคคอมมิวนิสต์จีน ใช้มาตรการดำเนินการปฏิรูปให้ลงลึกยิ่งขึ้น และขยายการเปิดสู่ภายนอกให้กว้างขึ้น
๒.๔ ผู้นำทั้งสองฝ่ายต่างเห็นพ้องกัน ที่จะสั่งให้คณะเศรษฐกิจและการค้าของฝ่ายตน เร่งการปรึกษาหารือ บรรลุข้อตกลงโดยเร็ว โดยยกเลิกภาษีที่ปรับเพิ่มในปีนี้ รวมทั้งผลักดันให้ความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจและการค้าแบบทวิภาคีกลับสู่ช่องทางที่เป็นปกติ เพื่อได้รับชัยชนะร่วมกัน
๓. ข้อสังเกต การพบปะเจรจาหารือของผู้นำจีนกับผู้นำสหรัฐฯ ในครั้งนี้ เป็นผลมาจาก
๓.๑ การเตรียมการเมื่อวันที่ ๙ พ.ย.๖๑ โดยนายหยาง เจียฉือ กรรมการกรมการเมืองคณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีน ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมาธิการฝ่ายกิจการต่างประเทศจีน พร้อมด้วยพลเอก เว่ย เฟิ่งเหอ มนตรีแห่งรัฐและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมจีน ได้ร่วมการเจรจาหารือกับนายไมค์ ปอมเปโอ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ และนายเจมส์ แมตทิส รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ว่าด้วยความปลอดภัยทางการทูตจีน-สหรัฐฯ รอบที่ ๒ ที่กรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ประเทศสหรัฐฯ
๓.๒ ทีมงานของทั้งสองฝ่าย โดยเฉพาะฝ่ายจีน ประกอบด้วยผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์ยาวนาน และนักการฑูตที่มีประสบการณ์สูง ซึ่งบุคคลสำคัญที่เป็นหลักในแถวหน้าคือ นายหลิว เฮ่อ รองนายกรัฐมนตรี ในขณะที่ล่าสุด ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์แห่งสหรัฐฯ ได้แต่งตั้งให้นายโรเบิร์ต ไลท์ไฮเซอร์ ผู้แทนการค้าสหรัฐ (USTR) ให้เป็นตัวแทนเจรจาการค้ากับจีน หลังจากทีได้พบปะหารือกับประธานาธิบดี สี จิ้นผิง ในการประชุมนอกรอบระหว่างการประชุม G20 เมื่อช่วงปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา
บทสรุป
การพบปะเจรจาหารือระหว่างผู้นำจีนกับผู้นำสหรัฐฯ นอกจากจะนำไปสู่การกำหนดทิศทางการพัฒนาความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศในอนาคต และเป็นการกำหนดยุทธศาสตร์การแก้ปัญหาระหว่างสองประเทศที่เป็นรูปธรรม รวมไปถึงปัญหาด้านเศรษฐกิจและการค้า ซึ่งสอดคล้องกับความพยายามของเวทีการประชุมสุดยอดผู้นำ G20 ในการรับมือกับวิกฤติความขัดแย้งระหว่างประทศ โดยต่างเห็นพ้องต้องกัน ที่จะใช้กลไกแบบพหุภาคีในการแก้ไขปัญหาและการบริหารเศรษฐกิจโลกให้เกิดเสถียรภาพ
ประมวลโดย : พลตรีไชยสิทธิ์ ตันตยกุล
ข้อมูลจากเว็บไซต์
http://thai.cri.cn/20181202/84301164-e2d4-63ce-d9e3-c89f818ae9a5.html
http://thai.cri.cn/20181202/e21d6eb4-e7f1-61fe-fc64-f182de1b31d5.html
http://thai.cri.cn/20181128/aed02bb7-7364-29f0-44da-54d3e32c7cb4.html
http://thai.cri.cn/20181110/e4129cac-5313-b61d-a782-c8b23916d4ba.html
https://thaipublica.org/2018/12/china-xijingpings-g20-trade-talks-team/
https://www.ryt9.com/s/iq29/2924116