bg-head-3

บทความ

จีนศึกษา วันพุธที่ ๖ มิ.ย.๖๑ : ล้งจีนสั่งซื้อผลไม้ของไทยแบบเหมายกสวน

ล้งจีน สั่งซื้อผลไม้ของไทยโดยเฉพาะทุเรียนแบบเหมายกสวน ตั้งแต่ก่อนผลไม้จะถึงเวลาเก็บเกี่ยวและได้ทยอยขนส่งออกไปตลาดจีน ซึ่งมีประเด็นที่น่าสนใจดังนี้

๑. หลังจากนายแจ็ก หม่า ประธานกรรมการบริหารและผู้ก่อตั้งกลุ่มอาลีบาบาได้มาลงนามบันทึกความเข้าใจ (MOU) กับรัฐบาลไทย ภายใต้กรอบความร่วมมือ Smart Digital Hub and Digital Trans-formation Strategic Partnership เมื่อวันที่ ๑๙ เม.ย.๖๑ และสำนักข่าวซินหัวของทางการจีน รายงานผ่านเว็บไซต์ว่า บริษัท อาลีบาบา กรุ๊ป สามารถจำหน่ายทุเรียนพันธุ์หมอนทอง ได้ถึง ๘๐,๐๐๐ ลูก ผ่านทางเว็บไซต์ Tmall.com ภายในเวลาเพียง ๑ นาทีนั้น แต่ข้อมูลจากการสำรวจวงการล้งทุเรียนรายใหญ่หลายแห่งในจังหวัดจันทบุรี และตราด พบว่า
        ๑.๑ ราคาทุเรียนที่ปรับขึ้นไม่ได้เป็นผลจากการลงนามใน MOU ของกลุ่มอาลีบาบา แต่เป็นเพราะรถขนส่งทุเรียนไปประเทศจีน ติดปัญหาอยู่ที่ด่านเมืองผิงเสียง ชายแดนจีน-เวียดนาม ทำให้สินค้าขาดตลาด ส่งผลให้ราคาปรับสูงขึ้น แต่หลังจากมีการปล่อยข่าวออกมาอาจส่งผลให้ราคาปรับขึ้นเล็กน้อย
        ๑.๒ ปริมาณทุเรียน ๘๐,๐๐๐ ลูก ที่สั่งซื้อผ่านเว็บไซต์ทีมอลล์นั้น เป็นปริมาณทุเรียนที่ถูกส่งออกไปจากประเทศไทยตลอดเดือน เม.ย.๖๑ ไปถึงประเทศจีนแล้วบางส่วน ก่อนการลงนาม MOU และเป็นปริมาณการสั่งซื้อปกติ เพราะหลังจากที่ลงนาม MOU ไป ก็ไม่ได้มีปริมาณการสั่งซื้อทุเรียนเพิ่มขึ้นมาอย่างผิดปกติแต่อย่างใด
        ๑.๓ มีการวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างกว้างขวางในวงการล้งรายใหญ่ว่า อาจจะเป็นการสร้างข่าวของนักธุรกิจต่างชาติ เพื่อกดราคาและแสวงหากำไรจากส่วนต่าง

๒. สาเหตุสำคัญที่ล้งจีนเข้ามาอย่างรวดเร็วคือ “ตลาดจีน” ที่เป็นตัวกระตุ้นและปัจจัยสำคัญในการเข้ามาทำธุรกิจผลไม้ โดยที่ตลาดจีนถูกควบคุมโดยนักธุรกิจจีน ซึ่งนักธุรกิจไทยไม่สามารถเข้าไปมีบทบาทอะไรได้เลย เนื่องจากกฎหมายการนำเข้าผลไม้ของจีนก็ระบุชัดเจนว่า “ต้องนำเข้าผ่านบริษัทจีน” ดังนั้นการที่ล้งจีนมีตลาดอยู่ในมือ ในอนาคตย่อมสามารถกำหนดราคาได้ตามที่ต้องการ และการเข้ามาของล้งจีนได้เข้ามาในหลากหลายรูปแบบตามจังหวัดต่างๆ ของไทยที่แตกต่างกัน

๓. แนวทางการแก้ไขปัญหา
         ๓.๑ ควรมีการจัดระเบียบฐานข้อมูลจำนวนผู้ประกอบการผลไม้ในแต่ละจังหวัดของไทย ทั่วประเทศ โดยแยกตามประเภทผลไม้ รวมทั้งแยกเป็นทุนจีน ๑๐๐ เปอร์เซนต์ บริษัทร่วมทุน และบริษัทไทย
         ๓.๒ ควรมีการบริหารจัดการปริมาณผลผลิตของผลไม้ทั้งประเทศโดยเร่งด่วน
         ๓.๓ ควรกำหนดสัดส่วนการจำหน่ายผลผลิตผลไม้ ซึ่งปัจจุบันผลไม้ดีๆ และมีคุณภาพ ถูกคัดเลือกส่งไปยังประเทศจีนจนแทบหมด
         ๓.๔ ควรมีการทำธุรกิจร่วมกับล้งจีน ในหนึ่งธุรกิจผลไม้ โดยนักธุรกิจไทยและจีนต้องแบ่งการดำเนินการ เพื่อป้องกันไม่ให้ล้งจีนดำเนินธุรกิจเองทั้งหมด
         ๓.๕ สร้างความเข้มแข็งและเพิ่มบทบาทของ “สหกรณ์การเกษตร” ในการซื้อขายผลไม้ในต่างประเทศ และทำการรวบรวมผลไม้และขายให้กับล้งจีนโดยตรง
         ๓.๖ หาช่องทางตลาดประเทศอื่นๆ เพิ่มมากขึ้น เช่น ตลาดอินเดีย ที่มีกำลังซื้อเพิ่มมากขึ้น
         ๓.๗ จัดระเบียบการซื้อขายผลไม้ใหม่ โดยจำแนกว่าอะไรที่ให้ล้งจีนทำได้และทำไม่ได้
         ๓.๘ เก็บภาษีนิติบุคคลจากบริษัทล้งจีนที่เข้ามาดำเนินการในไทย
         ๓.๙ จัดโครงการผู้ซื้อพบผู้ขาย เกษตรกรไทยพบล้งจีนและเวียดนามที่ตลาดไฮกรีน (หนานหนิง) ตลาดลองเบียน (ฮานอย) และตลาดเจียงหนาน (กว่างโจว) โดยตรง เพื่อตัดคนกลางออก รวมทั้งเปิดช่องทางให้นักธุรกิจไทยทำการซื้อและการขนส่งไปถึงมือล้งจีนโดยตรง

บทสรุป

ในอนาคตของธุรกิจการซื้อขายผลไม้ จะเหลือเพียงผู้ผลิตและผู้บริโภคเท่านั้น ซึ่งในระบบการผลิตต้องมีการปรับเปลี่ยน เกษตรกรต้องรวมตัวกันเป็นผู้ผลิตแปลงใหญ่ สร้างมาตรฐานของสินค้า มีแบรนด์ที่เป็นมาตรฐานและพัฒนาให้เป็นแบรนด์ของผลไม้ไทยที่มีคุณภาพ เป็นที่น่าเชื่อถือ ทำอย่างจริงจัง และเป็นกระบวนการ เชื่อว่าระบบสหกรณ์ที่เข้มแข็งจะเป็นแนวทางที่จะต่อสู้กับล้งจีนได้ นอกจากนี้ ต้องมีการผลักดันให้ไทยเป็นประเทศศูนย์กลางผลไม้เขตร้อนของโลก ตามนโยบายของรัฐบาลภายใต้การนำของ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่ได้ประกาศเมื่อต้นปีนี้ ขณะลงพื้นที่ตรวจราชการและร่วมการประชุมคณะรัฐมนตรีสัญจรในภาคตะวันออก โดยเฉพาะการพัฒนาช่องทางการจำหน่ายสินค้า โดยมีศูนย์คัดแยกผลผลิตที่มีคุณภาพ สามารถเก็บรักษาคุณภาพของผลไม้ได้ในระยะเวลาที่ยาวนาน รวมทั้งต้องมีการจับคู่ทางธุรกิจ (เป็นพันธมิตรทางการตลาด) ในการส่งออกผลไม้ เช่น การจับคู่ธุรกิจระหว่างผู้ประกอบการไทยกับผู้ประกอบการในนครหนานหนิงของจีน โดยส่งวัตถุดิบไปแปรรูปในจีน อันจะทำให้สามารถส่งขายได้ทั่วประเทศจีน โดยไม่มีข้อจำกัด

ประมวลโดย : พันเอกไชยสิทธิ์ ตันตยกุล

ข้อมูลจากเว็บไซต์

http://www.bangkokbiznews.com/blog/detail/637924

https://taokaemai.com/%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B8%A5%E0%B9%89%E0%B8%87%E0%B8%88%E0%B8%B5%E0%B8%99-%E0%B8%81%E0%B8%B3%E0%B8%A5%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B9%80%E0%B8%82%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%B6/

https://www.prachachat.net/local-economy/news-148618

https://m.facebook.com/181318038626087/photos/a.182375518520339.43036.181318038626087/1059057707518778/?type=3

https://www.bbc.com/thai/thailand-42941461

https://www.bbc.com/thai/thailand-42941461

https://www.thaiquote.org/content/26627