จีนศึกษา วันพุธที่ ๗ ต.ค.๖๓ : แนวคิดของประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ว่าด้วย “การต่อสู้เพื่อชัยชนะอย่างเด็ดขาดในการแก้ไขปัญหาความยากจนและสร้างสังคมที่น่าอยู่อย่างรอบด้าน” จากการศึกษาเชิงลึก ในหนังสือ "สี จิ้นผิง กับการบริหารประเทศ"

ขอนำเสนอแนวคิดของประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ว่าด้วย “การต่อสู้เพื่อชัยชนะอย่างเด็ดขาดในการแก้ไขปัญหาความยากจนและสร้างสังคมที่น่าอยู่อย่างรอบด้าน” (“决战决胜脱贫攻坚 全面建成小康社会”) จากการศึกษาเชิงลึก (深入学习) ในหนังสือ "สี จิ้นผิง กับการบริหารประเทศ" (习近平谈治国理政) เล่มที่ ๓ (第三卷) โดยคณะกรรมการขับเคลื่อนการพัฒนาและปฏิรูปประเทศ (国家发展改革委党组) ตอนที่ ๑ ซึ่งมีประเด็นที่น่าสนใจดังนี้
 
๑. ต้องยึดมั่นในแนวคิดการพัฒนาที่มีประชาชนเป็นศูนย์กลางและให้ประชาชนแบ่งปันผลของการพัฒนาสังคมที่น่าอยู่ (坚持以人民为中心的发展思想，让广大人民群众共享全面建成小康社会发展成果)  
     ๑.๑ การจะสร้างสังคมที่มีสุขน่าอยู่อย่างรอบด้านนั้น จะต้องได้รับการยอมรับจากประชาชน การดำเนินการขจัดความยากจนในการปรับปรุงการดำรงชีวิตของผู้คนและการบรรลุความมั่งคั่งร่วมกันอย่างค่อยเป็นค่อยไป เป็นข้อกำหนดที่สำคัญของสังคมนิยม หากมาตรฐานการดำรงชีวิตของคนยากจนในชนบทยังไม่ดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ สังคมที่มีฐานะดีรอบด้านก็จะไม่น่าเชื่อได้ ทั้งนี้ เนื่องจากต้องยืนหยัดที่จะพัฒนาเพื่อประชาชน รวมทั้งพึ่งพาประชาชนในการพัฒนา และแบ่งปันผลของการพัฒนาโดยประชาชน ด้วยความมุ่งมั่นที่มากขึ้น ความคิดที่แม่นยำยิ่งขึ้นและมาตรการที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น ตลอดจนต้องใช้พลังของทั้งสังคมในการผลักดันต่อสู้กับความยากจน เพื่อให้แน่ใจว่าทุกพื้นที่ยากจน คนยากจนและประชาชนทั่วประเทศ จะก้าวสู่สังคมแห่งความสุขรอบด้านด้วยกัน
     ๑.๒ ภายในปี ๒๐๒๐ (พ.ศ.๒๕๖๓) คนจนในชนบททั้งหมดภายใต้มาตรฐานปัจจุบันของจีนจะถูกปลดออกจากความยากจน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในพื้นที่ยากจน นับตั้งแต่การประชุมแห่งชาติครั้งที่ ๑๘ ของพรรคคอมมิวนิสต์จีน โดยเลขาธิการฯ สี จิ้นผิง ได้ไปเยี่ยมเยียนพื้นที่ยากจนทุกปี และเป็นห่วงประชาชน โดยมุ่งมั่นที่จะทำให้ชีวิตของคนยากจนในชนบทหลายสิบล้านคนดีขึ้น ทั้งนี้ หากปัญหาการบรรเทาความยากจนของคนยากจนยังไม่ได้รับการแก้ไข รวมทั้งปัญหาการผลิตและการดำรงชีวิตของคนยากจนยังไม่ได้รับการแก้ไข คำมั่นสัญญาของสังคมที่มีสุขอย่างรอบด้านก็จะเป็นจริงได้ยาก ดังนั้น ต้องรวมความคิดและการกระทำพร้อมกับการตัดสินใจของคณะกรรมการกลางพรรคฯ  เพื่อให้บรรลุเป้าหมายของ "การค้ำประกันสองประการ" คือ ต้องไม่ทิ้งพื้นที่ยากจน และมวลชนที่ยากจนไว้เบื้องหลัง (统一到实现“两个确保”的目标上来，决不能落下一个贫困地区、一个贫困群众。)
     ๑.๓ ส่งเสริมให้มณฑลที่ยากจนทั้งหมดถอดหมวกและแก้ปัญหาความยากจนในภูมิภาคโดยรวม ในการสร้างสังคมที่มีสุขอย่างรอบด้าน งานที่ยากลำบากและยากลำบากที่สุดคือ ในพื้นที่ชนบทที่ยากจนโดยเฉพาะอย่างยิ่งในพื้นที่ที่ยากจนอย่างมาก จากการที่คนยากจนได้อาศัยอยู่ในพื้นที่ซึ่งมีทรัพยากรที่ไม่ดี ระบบนิเวศที่เปราะบางต่อภัยพิบัติบ่อยครั้ง รวมทั้งมีการครอบคลุมโครงสร้างพื้นฐานและบริการสาธารณะที่ไม่มีประสิทธิภาพ อันเป็นเรื่องยากมากที่จะบรรลุการบรรเทาความยากจนในท้องถิ่นด้วยวิธีการบรรเทาความยากจนแบบดั้งเดิม จึงต้องดำเนินการย้ายที่อยู่อาศัยของประชากรราว ๙.๖ ล้านคน เพื่อบรรเทาความยากจน การตระหนักถึงการ "ย้ายคนจน" และการ "เปลี่ยนงานของคนจน” (实现“挪穷窝”“换穷业”) ซึ่งสามารถช่วยให้ผู้คนในพื้นที่ยากจนเหล่านี้มีความสุขกับสภาพโครงสร้างพื้นฐานที่ดีขึ้นและการบริการสาธารณะขั้นพื้นฐานได้อย่างรวดเร็ว ต่อจากนั้น ต้องมีการถ่ายทอดการพัฒนาจากรุ่นสู่รุ่น เพื่อให้ตระหนักถึงการก้าวกระโดดในการบรรเทาความยากจนครั้งประวัติศาสตร์
     ๑.๔ ส่งเสริมความสามัคคีของทุกกลุ่มชาติพันธุ์ให้ร่วมมือกันเดินขบวนไปสู่สังคมที่อยู่ดีกินดีอย่างรอบด้าน หากไม่มีการพัฒนาอย่างครอบคลุมและทันสมัยในพื้นที่ชาติพันธุ์จะไม่มีการพัฒนาที่ดีและทันสมัยครอบคลุมทั่วประเทศ ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาชนกลุ่มน้อยจำนวนมากได้ยกเผ่าของตนทั้งหมดให้พ้นจากความยากจน ซึ่งถือเป็นความสำเร็จครั้งสำคัญในการต่อสู้กับความยากจน ประเทศจีนเป็นครอบครัวใหญ่และทั้งครอบครัวต้องมีชีวิตที่ดี ต้องยึดมั่นต่อความสัมพันธ์ในครอบครัวของประเทศจีนและทำงานร่วมกัน เพื่อสร้างความฝันของชาวจีนโดยมีแนวทางหลักในการหล่อหลอมจิตสำนึกต่อชุมชนของประเทศจีน และยึดเอา "กระดูกแข็ง" (“硬骨头”) ของชนกลุ่มน้อยออกจากความยากจนเป็นจุดเริ่มต้น และส่งเสริมผู้คนจากทุกกลุ่มชาติพันธุ์ทั่วทั้งแผ่นดินใหญ่ของประเทศจีนอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ ภายใต้เอกลักษณ์ของชาติ วัฒนธรรมจีน พรรคคอมมิวนิสต์จีนและสังคมนิยมที่มีลักษณะเฉพาะของจีน ในการก้าวไปบนเส้นทางสู่สังคมที่มีสุขและน่าอยู่อย่างรอบด้าน
 
๒. การต่อสู้กับความยากจนอย่างรอบด้าน โดยมุ่งเน้นไปที่การปรับปรุงคุณภาพและประสิทธิผลของการบรรเทาความยากจนตามเป้าหมาย (全面打好脱贫攻坚战，着力提高精准脱贫的质量和成效) โดยจะนำเสนอรายละเอียดในวันพรุ่งนี้ เป็นตอนที่ ๒
 
บทสรุป