bg-head-3

บทความ

จีนศึกษา วันพุธที่ ๗ ส.ค.๖๒ แถลงการณ์ของธนาคารแห่งชาติจีน กรณีที่กระทรวงการคลังสหรัฐฯ จัดจีนอยู่ในรายชื่อ “ประเทศที่คุมอัตราแลกเปลี่ยน”

มีประเด็นที่น่าสนใจดังนี้

๑. เมื่อวันที่ ๖ ส.ค.๖๒ ธนาคารแห่งชาติจีนออกแถลงการณ์แสดงความเสียใจต่อกรณีที่กระทรวงการคลังของสหรัฐฯ จัดให้จีนเข้าอยู่ในบัญชีรายชื่อ “ประเทศที่คุมอัตราแลกเปลี่ยน” โดยจีนเห็นว่า เป็นการกระทำโดยลำพังฝ่ายเดียวของกระทรวงการคลังของสหรัฐ และไม่คำนึงถึงผู้อื่น เป็นการทำลายกฎกติกาสากลอย่างรุนแรง และจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจและการเงินของโลก ทั้งนี้ จีนได้ใช้กลไกลอยตัวอัตราแลกเปลี่ยนที่มีการปรับปรุงและการบริหารโดยถือความต้องการทางตลาดเป็นพื้นฐาน และพิจารณาจากเงินตราต่างประเทศหลายประเทศมาโดยตลอด ส่วนอัตราแลกเปลี่ยนของเงินหยวนนั้น กำหนดด้วยตลาด ไม่เคยมีการ “ควบคุมอัตราแลกเปลี่ยน”

๒. เมื่อวันที่ ๕ ส.ค.๖๒ สำนักข่าวซินหวาได้รายงานว่า ผู้บริหารของธนาคารประชาชนจีนได้ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวว่า อัตราแลกเปลี่ยนเงินหยวนมีเสถียรภาพและสมดุลบนพื้นฐานที่เหมาะสม เนื่องจากผลกระทบจากมาตรการกีดกันทางการค้า และการที่สหรัฐฯ จะเก็บภาษีศุลกากรเพิ่มเติมต่อสินค้าจีน โดยในวันที่ ๕ ส.ค.๖๒ เงินหยวนของจีนได้อ่อนค่าลงในระดับหนึ่ง เมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์สหรัฐฯ แต่เงินหยวนของจีนก็ยังคงรักษาเสถียรภาพในตะกร้าเงินต่อไป ซึ่งเป็นการแสดงให้เห็นถึงความสัมพันธ์ระหว่างอุปสงค์กับอุปาทานของตลาด และการขึ้นลงของตลาดเงินตราระหว่างประเทศ โดยจีนดำเนินนโยบายอัตราแลกเปลี่ยนแบบลอยตัวโดยมีการกำกับดูแลบนพื้นฐานความสัมพันธ์ระหว่างอุปสงค์กับอุปาทานของตลาด และมีการปรับปรุงโดยพิจารณาตะกร้าเงิน รวมทั้งสังเกตตลาด ดังนั้น การขึ้นลงของอัตราแลกเปลี่ยนก็ถือเป็นเรื่องปกติ

๓. ข้อสังเกตเกี่ยวกับการออกแถลงการณ์ของธนาคารแห่งชาติจีน ที่เกิดจากกรณีกระทรวงการคลังแห่งสหรัฐฯ ได้แถลงเมื่อวันที่ ๕ ส.ค.๖๒ โดยระบุว่าจีน “บิดเบือนค่าเงิน” ซึ่งถือเป็นครั้งแรกนับจากปี ค.ศ.๑๙๙๔ (พ.ศ.๒๕๓๗) ที่จีนถูกกล่าวหาเรื่องนี้อย่างเป็นทางการ และการแถลงของสหรัฐฯ ดังกล่าว เป็นผลมาจากที่ค่าเงินหยวนของจีนได้อ่อนค่าเป็นประวัติการณ์ โดยอัตราแลกเปลี่ยนสกุลเงินหยวนต่อดอลลาร์สหรัฐ เท่ากับ ๗.๐๒๔๐ หยวนต่อหนึ่งดอลลาร์สหรัฐ ในตอนเปิดตลาดเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา ซึ่งถือว่าอ่อนที่สุดในรอบ ๑๑ ปี อันเป็นสัญญาณว่า จีนจะยอมให้ค่าเงินหยวนอ่อนลง เพื่อรับมือกับสถานการณ์ที่สหรัฐฯ ขู่จะขึ้นอัตราภาษีต่อสินค้านำเข้าจากจีน ๑๐% โดยสินค้าจีนที่จะถูกรีดภาษีรอบใหม่นี้มีมูลค่า ๓๐๐,๐๐๐ ล้านดอลลาร์สหรัฐ

บทสรุป
ธนาคารแห่งชาติจีนได้ยืนยันว่า การอ่อนค่าของเงินหยวนเป็นไปตามแรงขับดันของตลาด ในขณะที่มีกระแสวิตกกันว่าจีนจะใช้การลดค่าเงินมาเป็นอาวุธสู้กับสหรัฐฯ อันเป็นผลมาจากการที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้ร้องเรียนเกี่ยวกับยอดได้เปรียบดุลการค้าของจีนที่มีเหนือสหรัฐฯ และนโยบายเทคโนโลยี นอกจากนี้ ธนาคารแห่งชาติจีนยังได้ชี้ว่า การที่สหรัฐฯ ไม่คำนึงถึงข้อเท็จจริง และกล่าวหาจีนว่า “คุมอัตราแลกเปลี่ยน” นั้น จะเป็นการทำลายระเบียบทางการเงินสากล ทำให้ตลาดการเงินผันผวน และกีดขวางการฟื้นฟูของการค้าและเศรษฐกิจโลก ซึ่งในที่สุดแล้ว สหรัฐฯ จะเป็นผู้ได้รับความเสียหายเอง

ประมวลโดย พลตรี ไชยสิทธิ์ ตันตยกุล

ข้อมูลจาก
https://www.npr.org/2019/08/05/748155575/chinas-currency-falls-to-lowest-exchange-rate-in-11-years

http://thai.cri.cn/20190806/778f67f4-bd6d-6c08-aa54-7235a08a2aa3.html

http://thai.cri.cn/20190806/5c5ca079-b339-e609-7d25-43ce7b315778.html

https://mgronline.com/china/detail/9620000074779

http://thai.cri.cn/20190805/fa5ef3ac-10e9-b8a0-5671-d87f5885de97.html

https://mgronline.com/china/detail/9620000074183

https://www.politico.com/story/2019/08/06/china-currency-manipulation-trump-1636934