bg-head-3

บทความ

จีนศึกษา วันพุธที่ ๙ ต.ค.๖๒ การประกาศใช้ข้อบังคับห้ามปิดบังใบหน้าของรัฐบาลเขตบริหารพิเศษฮ่องกง

ซึ่งมีประเด็นที่น่าสนใจดังนี้

๑. สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ ๓ ต.ค.๖๒ ได้มีกลุ่มประชาชนจากแวดวงต่าง ๆ ของฮ่องกงจำนวนหนึ่ง ทั้งการเมือง การพาณิชย์ กฎหมาย การศึกษาและข้าราชการเกษียณอายุ ได้ร่วมกันประกาศ “กลุ่มผลักดันการออกกฎหมายห้ามปิดบังใบหน้า” ที่มีพฤติกรรมทำลายความสงบเรียบร้อยของสังคมอย่างร้ายแรงในช่วงที่ผ่านมา อันทำให้ภาคส่วนต่าง ๆ ของฮ่องกงแสดงการคัดค้านอย่างรุนแรงและประณามอย่างต่อเนื่อง โดยจะเริ่มรณรงค์บนอินเทอร์เน็ตและยื่นร่างญัตติที่เกี่ยวข้องในนามส่วนบุคคล รวมทั้งมีการนัดพบผู้ว่าการเขตบริหารพิเศษฮ่องกง เพื่อเร่งออกกฎหมายดังกล่าวโดยเร็ว ซึ่งเป็นการแสดงท่าทีสนับสนุนทางการฮ่องกงและตำรวจในการลงโทษผู้ก่อการร้ายอย่างเข้มงวด

๒. เมื่อวันที่ ๔ ต.ค.๖๒ นางแคร์รี แลม ผู้ว่าการเขตบริหารพิเศษฮ่องกงของจีน ได้เรียกประชุมคณะผู้บริหารนัดพิเศษ โดยมีมติอาศัยกฎหมายควบคุมความสงบในสถานการณ์ฉุกเฉิน ออกระเบียบข้อบังคับห้ามปิดบังใบหน้า เพื่อฟื้นฟูความสงบเรียบร้อยของสังคมและยุติการใช้ความรุนแรงจากผู้ชุมนุมประท้วง ทั้งนี้ ข้อบังคับห้ามปิดบังใบหน้า มีผลบังคับใช้ตั้งแต่เวลา ๐๐.๐๐ น. ของวันที่ ๕ ต.ค.๖๒ โดยบุคคลที่ละเมิดข้อบังคับดังกล่าวจะมีโทษปรับ ๒๕,๐๐๐ ดอลลาร์ฮ่องกง และจำคุก ๑ ปี

๓. ข้อสังเกต
        ๓.๑ ผู้ว่าการเขตบริหารพิเศษฮ่องกงของจีน ได้กล่าวเน้นย้ำว่า การใช้อำนาจตามกฎหมายควบคุมความสงบในสถานการณ์ฉุกเฉินไม่ได้หมายความว่า ฮ่องกงเข้าสู่ภาวะฉุกเฉินแต่อย่างใด ตามกฎหมายดังกล่าว หากเกิดสถานการณ์ฉุกเฉิน หรือ ภัยต่อความมั่นคงสาธารณะ ผู้ว่าการและคณะผู้บริหารฮ่องกง สามารถประกาศใช้ข้อบังคับที่สอดคล้องกับประโยชน์ของประชาชนโดยทั่วไป ซึ่งช่วงที่ผ่านมา สถานการณ์ในฮ่องกงเข้าข่ายเป็นภัยต่อความมั่นคงสาธารณะ
        ๓.๒ นายหยาง กวาง โฆษกสำนักงานกิจการฮ่องกงและมาเก๊า ของคณะรัฐมนตรีจีน ได้แถลงเมื่อวันที่ ๔ ต.ค.๖๒ ว่า การประกาศใช้ข้อบังคับห้ามปิดบังใบหน้า ของรัฐบาลเขตบริหารพิเศษฮ่องกง มีความจำเป็นอย่างยิ่ง เนื่องจากเป็นประโยชน์ต่อการปราบปรามและยับยั้งอาชญากรรม รวมไปถึงฟื้นฟูความสงบเรียบร้อยของสังคม เนื่องจากสถานการณ์ในฮ่องกงนับวันยิ่งชัดเจนยิ่งขึ้นว่า ความวุ่นวายที่เกิดจากการเสนอร่างกฎหมายส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดนกำลังเปลี่ยนเป็น “การปฏิวัติสี” ฉบับฮ่องกง อันมีอิทธิพลภายนอกเข้ามาเกี่ยวข้อง การชุมนุมประท้วงตามท้องถนนกำลังเปลี่ยนเป็นอาชญากรรมใช้ความรุนแรง ซึ่งมีการวางแผนไว้ล่วงหน้า ถือเป็นภัยคุกคามต่อความมั่นคงสาธารณะอย่างร้ายแรง ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ การประกาศใช้ข้อบังคับห้ามปิดบังใบหน้าของรัฐบาลเขตบริหารพิเศษฮ่องกงจึงมีความสมเหตุสมผล และมีความจำเป็นอย่างยิ่ง ขณะที่ ประเทศและเขตแคว้นจำนวนมากในโลก ต่างประกาศใช้กฎหมายห้ามปิดบังใบหน้า การบังคับใช้ข้อบังคับดังกล่าวในฮ่องกงจึงไม่ส่งผลกระทบต่อสิทธิและเสรีภาพต่าง ๆ ของชาวฮ่องกง เช่น สิทธิและเสรีภาพในการชุมนุมและเดินขบวน เป็นต้น

บทสรุป
จากเหตุการณ์ในช่วงราว ๔ เดือนที่ผ่านมา ที่มีกลุ่มผู้ชุมนุมประท้วงในเขตบริหารพิเศษฮ่องกงได้มีพฤติกรรมใช้ความรุนแรง รวมทั้งใช้การปิดบังใบหน้าในขณะก่อเหตุแทบทุกคน เพื่ออำพรางตัวตนและหลีกเลี่ยงการถูกลงโทษตามกฎหมาย ดั้งนั้น การปิดบังใบหน้าจึงทำให้คนกลุ่มนี้ใช้ความรุนแรงตามอำเภอใจมากขึ้น ด้วยสาเหตุนี้ การประกาศใช้ข้อบังคับห้ามปิดบังใบหน้าจะมีส่วนช่วยให้เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถบังคับใช้กฎหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อรักษาความสงบเรียบร้อยของสังคม

ประมวลโดย พลตรี ไชยสิทธิ์ ตันตยกุล


ข้อมูลจาก
https://www.dw.com/en/hong-kongs-carrie-lam-announces-face-mask-ban/a-50693676

http://thai.cri.cn/20191005/fbaf1416-dbfd-83eb-9d17-3cdb5e89a66d.html

http://thai.cri.cn/20191004/9a2dc7e6-c264-1b64-55c9-d224a53bff1d.html

http://thai.cri.cn/20191005/108a2ecc-ef82-3464-407a-4a33fe70c73f.html

https://www.vox.com/world/2019/10/4/20898568/hong-kong-protests-face-masks-ban-carrie-lam

https://edition.cnn.com/2019/10/04/asia/hong-kong-face-mask-ban-meeting-intl-hnk/index.html