จีนศึกษา (วันศุกร์ที่ ๑๐ ก.พ.๖๖) ขอนำเสนอข้อมูลเกี่ยวกับกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (International Monetary Fund : IMF) ได้เผยแพร่รายงานล่าสุดเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจโลกในปัจจุบัน ซึ่งแสดงให้เห็นว่า
การเติบโตของเศรษฐกิจโลกคาดว่าจะอยู่ที่ ๒.๙% ในปี ๒๐๒๓ (พ.ศ.๒๕๖๖) และคาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น ๓.๑% ในปี ๒๐๒๔ (พ.ศ.๒๕๖๗) โดยรายงานชี้ให้เห็นว่า การแพร่ระบาดอย่างรวดเร็วของโรคระบาดใหม่ในประเทศจีนได้ยับยั้งการเติบโตในปี ๒๐๒๒ (พ.ศ.๒๕๖๕) แต่การเปิดประเทศอีกครั้งอย่างรวดเร็วเมื่อเร็วๆ นี้เป็นการปูทางให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว ซึ่งรายงานดังกล่าวเพิ่มการคาดการณ์การเติบโตทางเศรษฐกิจของจีนในปี ๒๐๒๓ (พ.ศ.๒๕๖๖) เป็น ๕.๒% จากที่เคยคาดการณ์ไว้ ๔.๔% เมื่อก่อนหน้านี้
รายงานชี้ให้เห็นว่า การต่อสู้กับเงินเฟ้อทั่วโลก จากสภาวะสงครามของรัสเซียในยูเครน และการกลับมาระบาดของโรคโควิด-19 ในจีน ได้สร้างผลกระทบต่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจทั่วโลกในปี ๒๐๒๒ (พ.ศ.๒๕๖๕) จากปัจจัยอุปสรรคสองประการดังกล่าวจะยังคงส่งผลกระทบต่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจต่อไปในปี ๒๐๒๓ (พ.ศ.๒๕๖๖)
แม้จะมีอุปสรรคดังกล่าวเหล่านี้ แต่การเติบโตของ GDP ที่แท้จริงในไตรมาสที่สามของปี ๒๐๒๒ (พ.ศ.๒๕๖๕) นั้นแข็งแกร่งกว่าที่คาดไว้และมีความยืดหยุ่นมากขึ้นในหลายๆ ประเทศ ตลาดแรงงานมีความแข็งแกร่ง การบริโภคภาคครัวเรือนและการลงทุนทางธุรกิจแข็งแกร่ง และตลาดพลังงานปรับตัวเร็วกว่าที่คาดไว้จากกรณีการบุกยูเครนของรัสเซีย สภาวะอัตราเงินเฟ้อก็ดีขึ้นเช่นกัน โดยเครื่องชี้อัตราเงินเฟ้อทั่วไปในขณะนี้ได้ปรับตัวลดลงในหลายประเทศ
ในขณะที่สภาพแวดล้อมทางการเงินทั่วโลกดีขึ้น เมื่อรวมกับการดึงกลับของเงินดอลลาร์จากระดับสูงสุดในเดือนพฤศจิกายน ปี ๒๐๒๒ (พ.ศ.๒๕๖๕) ทำให้ประเทศเกิดใหม่และประเทศกำลังพัฒนาผ่อนคลายได้เล็กน้อย จึงทำให้ IMF ปรับเพิ่มคาดการณ์การเติบโตของปี ๒๐๒๒ (พ.ศ.๒๕๖๕) และ ปี ๒๐๒๓ (พ.ศ.๒๕๖๖) เล็กน้อย โดยการเติบโตทั่วโลกคาดว่าจะอยู่ที่ประมาณ ๓.๔% ในปี ๒๐๒๒ (พ.ศ.๒๕๖๕) และคาดว่าจะชะลอตัวลงเหลือ ๒.๙% ในปี ๒๐๒๓ (พ.ศ.๒๕๖๖) และเพิ่มขึ้นเป็น ๓.๑% ในปี ๒๐๒๔ (พ.ศ.๒๕๖๗)
ประมวลโดย พลโท ไชยสิทธิ์ ตันตยกุล
( ข้อมูลจากเว็บไซต์ https://news.un.org/zh/story/2023/01/1114677 )