รัฐบาลจีนประกาศมาตรการลดหย่อนภาษีเพื่อส่งเสริมการมีงานทำและส่งเสริมนวัตกรรม ซึ่งมีประเด็นที่น่าสนใจดังนี้
๑. เจ้าหน้าที่กระทรวงการคลังจีน กล่าวที่กรุงปักกิ่ง เมื่อวันที่ ๓ พ.ค.๖๑ ว่า รัฐบาลจีนได้ประกาศใช้มาตรการลดหยอนภาษี เพื่อส่งเสริมการมีงานทำและส่งเสริมนวัตกรรม โดยคาดว่าปีนี้จะสามารถลดภาษีให้กับธุรกิจต่าง ๆ อีกกว่า ๖๐,๐๐๐ ล้านหยวน
๒. มาตรการการลดภาษี ดังกล่าวมุ่งที่จะลดต้นทุนให้กับธุรกิจขนาดย่อมโดยตรง เพื่อส่งเสริมการเริ่มทำธุรกิจ พร้อมส่งเสริมให้บริษัทต่าง ๆ ฝึกอบรมพนักงาน และเปลี่ยนอุปกรณ์ใหม่ เพื่อเพิ่มขีดความสามารถด้านนวัตกรรม ทั้งการส่งเสริมการศึกษาและการสร้างนวัตกรรมใหม่ด้วยตนเองของบริษัทต่าง ๆ และสนับสนุนให้ศึกษาการบุกเบิกเทคโนโลยีในต่างประเทศ เพื่อเรียนรู้ความสำเร็จด้านเทคโนโลยีระดับแนวหน้าของต่างประเทศ
๓. ข้อสังเกต
๓.๑ นอกจากมาตรการลดภาษีให้กับธุรกิจขนาดย่อมโดยตรงดังกล่าวแล้วนั้น กระทรวงอุตสาหกรรมสารสนเทศจีน ได้แถลงในวันเดียวกัน (วันที่ ๓ พ.ค.๖๑) ว่า เมืองกว่างโจวจะจัดงานนิทรรศการ SMEs ระหว่างประเทศครั้งที่ ๑๕ ในเดือน ต.ค.๖๑ นี้ โดยจะเชิญสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์เป็นประธานของงานครั้งนี้เป็นครั้งแรก เพื่อสร้างเวทีใหม่ในการแลกเปลี่ยนความร่วมมือระหว่างบริษัทขนาดกลางและขนาดย่อมของจีนกับประเทศตะวันออกกลาง โดยในนิทรรศการจะเน้นถึงหัวข้อ "สมาร์ท สติปัญญา การผลิตอัจฉริยะ ประหยัดพลังงาน" รวมทั้งให้ความสำคัญต่อการแสดงเทคโนโลยี "อินเตอร์เน็ต + ..." และหุ่นยนต์ นอกจากนี้ ยังมีการผลักดันการใช้เทคโนโลยีใหม่ในอุตสาหกรรมการผลิต ซึ่งจะสนองตอบต่อแนวนโยบายของรัฐบาลจีนในการส่งเสริมการมีงานทำ และส่งเสริมนวัตกรรม
๓.๒ นอกจากนี้ รัฐบาลจีนต้องการผลักดันให้จีน ขึ้นสู่การเป็นผู้นำด้านปัญญาประดิษฐ์ (AI–Artificial Intelligence) ของโลกให้ได้ภายในปี พ.ศ.๒๕๗๓ จึงต้องเร่งสร้างคนพันธุ์ AI ซึ่งล่าสุดได้พิมพ์หนังสือเรียน AI เล่มแรกของจีน สำหรับให้เด็กชั้นมัธยมปลายได้เรียน โดยในระยะแรก โรงเรียนมัธยม ๔๐ แห่งทั่วประเทศจะเปิดทดลองสอนวิชา AI เป็นโครงการนำร่องก่อน
บทสรุป
แนวนโยบายของรัฐบาลจีนในการส่งเสริมการศึกษาและการสร้างนวัตกรรมใหม่ด้วยตนเองของบริษัทต่าง ๆ และการสนับสนุนให้มีการศึกษาบุกเบิกเทคโนโลยีในต่างประเทศ เพื่อเรียนรู้ความสำเร็จด้านเทคโนโลยีระดับแนวหน้าของต่างประเทศ และนำมาประยุกต์ใช้กับสังคมของจีนในปัจจุบันได้อย่างสอดคล้องรองรับกับสภาวะการเปลี่ยนแปลง ซึ่งรัฐบาลจีนมุ่งส่งเสริมให้คนในสังคมมีการเรียนรู้ตลอดชีวิต ทั้งนี้จากผลสำรวจของ China Academy of Press and Publication เมื่อปี ๒๐๑๗ (พ.ศ.๒๕๖๐) พบว่า พ่อแม่ชาวจีนมีส่วนช่วยปลูกฝังนิสัยการอ่านให้แก่ลูก ๆ โดยมากกว่า ๗๐ เปอร์เซ็นต์ของพ่อแม่ชาวจีน ที่มีลูกอายุน้อยกว่า ๑ ปี ถึง ๘ ปี ใช้เวลาอย่างน้อย ๒๐ นาทีต่อวัน อ่านหนังสือให้ลูกๆฟัง และพาลูก ๆ ไปร้านหนังสืออย่างน้อย ๓ ครั้งต่อปี ในขณะที่เด็กจีนอายุต่ำกว่า ๑๘ ปี อ่านหนังสือโดยเฉลี่ย ๙ เล่มต่อปี จึงทำให้เห็นอนาคตของจีนที่จะก้าวไปสู่การเป็นสังคมแห่งการเรียนรู้ตลอดชีวิต โดยเฉพาะการส่งเสริมนวัตกรรมโดยเร่งสร้างบุคลากรที่มีความสามารถด้าน AI
ประมวลโดย : พันเอกไชยสิทธิ์ ตันตยกุล
ข้อมูลจากเว็บไซต์
http://thai.cri.cn/247/2018/05/04/101s266849.htm
http://thai.cri.cn/247/2018/05/04/232s266843.htm
https://mgronline.com/china/detail/9610000044578
https://www.thairath.co.th/content/1273761