รูปแบบการสร้างความร่วมมือแบบทวิภาคีควบคู่กับพหุพาคีของจีนในเวทีระหว่างประเทศ ซึ่งมีประเด็นที่น่าสนใจดังนี้
๑. ประธานาธิบดี สี จิ้นผิง ได้รับคำเชิญของสมเด็จพระราชาธิบดีเฟลิเปที่ ๖ แห่งสเปน นายเมาริซิโอ มาครี ประธานาธิบดีอาร์เจนตินา นายฮวน คาร์ลอส วาเรลา ประธานาธิบดีปานามา และนายมาร์แซลู รือเบลู ดือ โซว์ ประธานาธิบดีโปรตุเกส ในการเดินทางเยือนประเทศดังกล่าว ระหว่างวันที่ ๒๗ พ.ย. - ๕ ธ.ค.๖๑ โดยในช่วงเวลาระหว่างวันที่ ๓๐ พ.ย. - ๑ ธ.ค.๖๑ ประธานาธิบดี สี จิ้นผิง จะเข้าร่วมการประชุมผู้นำ G20 ครั้งที่ ๑๓ ณ กรุงบัวโนสไอเรส ประเทศอาร์เจนตินา
๑.๑ การไปเยือนประเทศสเปน เนื่องในวาระครบรอบ ๔๕ ปีแห่งการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตจีน-สเปน ซึ่งการเยือนสเปนของประธานาธิบดี สี จิ้นผิง ครั้งนี้ห่างจากการเยือนสเปนของอดีตประธานาธิบดีของจีนที่ผ่านมา เป็นเวลาถึง ๑๓ ปี จึงมีความหมายสำคัญในการที่จะพัฒนาความสัมพันธ์จากอดีตสู่อนาคตที่ดีระหว่างจีนกับสเปน
๑.๒ ส่วนปานามาที่เพิ่งสร้างความสัมพันธ์ทางการทูตกับจีนไปเมื่อปีที่แล้ว เป็นประเทศลาตินอเมริกาประเทศแรกที่ลงนามบันทึกช่วยจำด้านการสร้างสรรค์ “หนึ่งแถบหนึ่ง เส้นทาง” (Belt and Road Initiative : BRI) กับจีน โดยนายลุอิส ฮินคาพาย รัฐมนตรีช่วยว่าการการทรวงการต่างประเทศของปานามาหวังว่า ปานามาจะแสดงบทบาทเป็นศูนย์กลางด้านการขนส่งและการค้าในภูมิภาค กลายเป็นประตูและสะพานเชื่อมจีนเข้าสู่ตลาดลาตินอเมริกา
๑.๓ ด้านโปรตุเกสคาดหวังว่า โปรตุเกสจะเป็นประตูและสะพานเชื่อมจีนกับยุโรป แอฟริกา และอเมริกาใต้ โดยสถิติแสดงให้เห็นว่า จนถึงปัจจุบัน ธุรกิจจีนและพลเมืองจีนได้มีการลงทุนในโปรตุเกสรวมกว่า ๙,๐๐๐ ล้านยูโร ทำให้โปรตุเกสกลายเป็นเป้าหมายการลงทุนใหญ่อันดับ ๕ ของจีนในยุโรป
๑.๔ สำหรับการประชุมกลุ่มประเทศ G20 ประกอบไปด้วย อาร์เจนตินา ออสเตรเลีย บราซิล สหราชอาณาจักร แคนาดา จีน ฝรั่งเศส เยอรมนี อินเดีย อินโดนีเซีย อิตาลี ญี่ปุ่น เม็กซิโก รัสเซีย ซาอุดิอาระเบีย แอฟริกาใต้ เกาหลีใต้ ตุรกี สหรัฐอเมริกา และสหภาพยุโรป (EU) ซึ่งนอกจากจะเป็นเวทีระหว่างประเทศในกรอบพหุภาคีที่สนับสนุนต่อบทบาทของจีนแล้ว ผู้นำจีนยังจะได้หารือร่วมกับผู้นำสหรัฐฯ นอกรอบการประชุมสุดยอด G20 ซึ่งมีการคาดการณ์ว่า จีนกับสหรัฐฯ จะสามารถบรรลุข้อตกลงการค้าแบบทวิภาคีที่เป็นธรรมระหว่างกันได้ โดยจีนแสดงท่าทีความต้องการอย่างมากที่จะทำข้อตกลงกับสหรัฐฯ
๒. ข้อสังเกต จีนจะยึดถือแนวคิดการต่างประเทศของประธานาธิบดี สี จิ้นผิง ชี้นำและยืนหยัดบนหนทางการพัฒนาอย่างสันติ ยืนหยัดยุทธศาสตร์เปิดประเทศที่อำนวยประโยชน์แก่กันและได้รับชัยชนะร่วมกัน เพื่อสร้างคุณูปการมากยิ่งขึ้นต่อการผลักดันสันติภาพและความก้าวหน้าของมนุษยชาติ ซึ่งอาจวิเคราะห์ได้ ๔ ประการ ได้แก่
๒.๑ การยืนหยัดแนวคิดการเปิดกว้างและครอบคลุม ในการชี้นำความร่วมมือทั่วโลก
๒.๒ การส่งเสริมเชิดชูมิตรภาพดั้งเดิม เพื่อกระชับความสัมพันธ์ให้หยั่งรากลึก
๒.๓ การปฏิบัติตามแนวคิดที่มีความจริงใจ เป็นกันเอง และซื่อสัตย์ เพื่อกระชับความสัมพันธ์ให้ใกล้ชิดยิ่งขึ้น
๒.๔ แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นที่ดำเนินการปฏิรูปและเปิดประเทศต่อไป เพื่อร่วมกันแบ่งปันโอกาสที่ได้มาจากการพัฒนาของจีน
บทสรุป
ปี ๒๐๑๘ (พ.ศ.๒๕๖๑) เป็นปีแห่งการครบรอบ ๑๐๐ ปีการสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่ ๑ และครบรอบ ๑๐ ปีวิกฤตการเงินโลก (ในปี ๒๐๐๘ หรือ ๒๕๕๑) และเป็นปีที่การทวนกระแสโลกาภิวัตน์ ลัทธิลำพังฝ่ายเดียว และลัทธิกีดกันการค้ากระทบระเบียบสากลอย่างรุนแรง ในยุคที่เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างไม่เคยมีมาก่อนในช่วง ๑๐๐ ปี ซึ่งประเทศต่าง ๆ จะต้องหันกลับมาทบทวนประวัติศาสตร์ รวมทั้งสรุปประสบการณ์ และจัดการแลกเปลี่ยนในทางที่ดี โดยการเพิ่มพลังเชิงบวกต่อการสร้างอนาคตดียิ่งขึ้น ดังนั้น การเยือนต่างประเทศของผู้นำจีนในครั้งนี้ จึงแสดงให้เห็นว่า จีนมีความมุ่งมั่นที่จะพยายามเสนอแผนการเพื่อสร้างความร่วมมือด้วยการเปิดสู่ภายนอกและพัฒนาร่วมกัน ซึ่งจะสร้างเสถียรภาพและความมั่นคงในเวทีระหว่างประเทศ โดยเฉพาะการดำเนินความสัมพันธ์ทั้งในกรอบทวิภาคีและพหุภาคีควบคู่กัน
ประมวลโดย : พลตรีไชยสิทธิ์ ตันตยกุล
ข้อมูลจากเว็บไซต์
http://www.xinhuanet.com/english/2018-11/24/c_137627398.htm
http://thai.cri.cn/20181123/9b543cc1-a290-6aa9-75d0-dceebf955d90.html
http://thai.cri.cn/20181125/17be47c2-9817-2426-bf29-3d3a3d6d6c78.html
http://thai.cri.cn/20181123/d196103d-9148-a47c-328d-ca4d9d48a9ae.html
http://thai.cri.cn/20181121/98d83e64-faa4-b55c-f086-ab7c74a9d695.html