มีประเด็นที่น่าสนใจดังนี้
๑. การป้องกันประเทศและการพัฒนากองทัพของจีน ต้องตอบสนองแนวโน้มการพัฒนาของการปฏิวัติด้านการทหารใหม่ของโลกและความต้องการด้านความมั่นคงของประเทศ ได้ก่อนสิ้นปี ค.ศ.๒๐๒๐ (พ.ศ.๒๕๖๓) โดยต้องเพิ่มศักยภาพด้านยุทธศาสตร์ขนานใหญ่ ผลักดันทฤษฎีด้านการทหาร รวมทั้งรูปแบบการจัดและการพัฒนาบุคลากรของกองทัพ ตลอดจนการพัฒนาความทันสมัยของอาวุธยุทโธปกรณ์ทุกด้าน ให้แล้วเสร็จก่อนปี ค.ศ.๒๐๓๕ (พ.ศ.๒๕๗๘) และสร้างสรรค์กองทัพระดับชั้นนำของโลกให้สำเร็จในช่วงกลางศตวรรษที่ ๒๑
๒. การยึดถือ "ระบอบหนึ่งประเทศ สองระบบ" ซึ่งเป็นระบอบที่ดีที่สุดที่รักษาความมั่นคงและความรุ่งเรืองระยะยาวของฮ่องกงและมาเก๊า สนับสนุนให้ทางการเขตบริหารพิเศษฮ่องกงและมาเก๊า และผู้ว่าฯ บริหารงานตามหลักรัฐธรรมนูญ สร้างผลการทำงานอย่างแข็งขัน ปรับปรุงชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชน ผลักดันประชาธิปไตยอย่างเป็นระบบ รักษาความมั่นคงของสังคม มีความรับผิดชอบด้านรัฐธรรมนูญในการพิทักษ์อธิปไตยเหนือดินแดน ความมั่นคง และการพัฒนาของประเทศ กำหนดนโยบายและมาตรฐานให้ชาวฮ่องกงและมาเก๊า มีโอกาสพัฒนาที่จีนแผ่นดินใหญ่ ต้องยืนหยัดหลักการให้ชาวฮ่องกงที่รักชาติบริหารฮ่องกง และชาวมาเก๊าที่รักชาติบริหารมาเก๊า เพิ่มกำลังการรักชาติ ส่งเสริมให้พี่น้องชาวฮ่องกงและมาเก๊ามีจิตสำนึกรักในความเป็นชาติบ้านเมือง
๓. การยึดถือ “หลักการจีนเดียว” เป็นพื้นฐานทางการเมืองของความสัมพันธ์ระหว่างสองฝั่งช่องแคบไต้หวัน ส่วน “ฉันทามติปี ๑๙๙๒ (พ.ศ.๒๕๓๕)” สะท้อนให้เห็นถึงหลักการจีนเดียวเป็นจุดสำคัญในการประกันการพัฒนาความสัมพันธ์ระหว่างสองฝั่งช่องแคบอย่างสันติ เพียงยอมรับ “ฉันทามติปี ๑๙๙๒” ว่าเป็นเรื่องจริงทางประวัติศาสตร์เท่านั้น ทั้งสองฝ่ายจึงจะสามารถจัดการพูดคุยเจรจากันได้ และการไปมาหาสู่กันระหว่างพรรคการเมืองหรือองค์การต่าง ๆ ของไต้หวันกับแผ่นดินใหญ่ก็จะไม่มีอุปสรรค
๔. การยืนหยัด "นโยบายที่เป็นอิสระเสรีและวิธีทางการทูตอย่างสันติ" โดยให้ความเคารพประชาชนประเทศต่าง ๆ ในการเลือกหนทางการพัฒนา การรักษาความเที่ยงธรรมและความยุติธรรมระหว่างประเทศ คัดค้านการยัดเยียดความคิดตนให้ผู้อื่น คัดค้านการแทรกแซงกิจการภายในของประเทศอื่น ๆ และการใช้อำนาจแข็งแกร่งของตนข่มขู่ผู้ที่อ่อนแอ โดยที่จีนจะไม่ทำลายผลประโยชน์ของประเทศอื่น ๆ เพื่อมาพัฒนาตัวเองอย่างเด็ดขาด แต่จะไม่สละสิทธิและผลประโยชน์ที่เที่ยงธรรมของตนเอง นอกจากนี้ จะยืนหยัดนโยบายการป้องกันประเทศที่เน้นป้องกันตนเอง และการพัฒนาของจีนจะไม่คุกคามประเทศใด ๆ โดยจีนไม่คิดจะครองโลก และจะไม่แทรกแซงประเทศอื่นใดอย่างเด็ดเดี่ยวแน่วแน่
๕. การปราบปรามทุจริตคอรัปชั่น พรรคคอมมิวนิสต์จีนจะยึดมั่นหลักการโดยไม่มีพื้นที่ยกเว้น ต้องครอบคลุมทั่วถึงหมด และไม่ยอมรับพฤติกรรมทุจริตใด ๆ แม้เพียงน้อยนิด ยืนหยัดการตรวจสอบสืบสวนทั้งผู้ให้และผู้รับสินบน ป้องกันไม่ให้เกิดกลุ่มคณะที่มีผลประโยชน์ร่วมกันภายในพรรคคอมมิวนิสต์อย่างเด็ดขาด จัดตั้งระบอบการตระเวนตรวจสอบในคณะกรรมการพรรคคอมมิวนิสต์จีนระดับเมืองและอำเภอ เพิ่มขีดความสามารถในการปราบปรามและปรับบทลงโทษปัญหาทุจริตคอรัปชั่นที่อยู่ใกล้ตัวประชาชน ไม่ว่าผู้ทุจริตคอรัปชั่นจะหลบหนีไปอยู่ที่ไหนก็ต้องไล่จับกลับมาดำเนินคดีและลงโทษตามกฎหมาย ผลักดันให้บัญญัติกฎหมายต่อต้านทุจริตคอรัปชั่นแห่งชาติ และสร้างสรรค์เวทีแจ้งความที่ครอบคลุมระบบการตรวจสอบระเบียบวินัยและการตรวจการทำงานของเจ้าหน้าที่รัฐได้อย่างทั่วถึง
๖. การสร้างและปรับปรุงระบบตรวจสอบควบคุมพรรคและประเทศให้สมบูรณ์ โดยกำหนดกฎหมายว่าด้วยการตรวจสอบควบคุม จัดตั้งคณะกรรมการตรวจสอบควบคุมระดับประเทศ มณฑล เมืองและอำเภอ ให้ทำงานร่วมมือกับหน่วยงานตรวจวินัยระดับนั้น ๆ เพื่อให้การตรวจสอบควบคุมครอบคลุมถึงเจ้าหน้าที่รัฐที่มีอำนาจทั้งหมด มอบหมายอำนาจและวิธีการตรวจสอบให้กับคณะกรรมการควบคุม ส่งเสริมการควบคุมโดยองค์การพรรคฯ ส่งเสริมการตรวจสอบควบคุมตามหลักประชาธิปไตย ส่งเสริมให้หน่วยงานระดับเดียวกันควบคุมซึ่งกันและกัน ส่งเสริมการตรวจสอบควบคุมเป็นประจำ และส่งเสริมการตรวจสอบทางการเมืองในระดับลุ่มลึก
๗. การจัดตั้งองค์กรกำกับดูแลด้านกฎหมาย ภาวะนิเวศ การตรวจสอบ และการทหาร รวมถึงจะจัดตั้งหน่วยงานนำการปกครองประเทศตามกฎหมายของคณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีน โดยเพิ่มกำลังในการชี้นำการสร้างสรรค์ประเทศจีนตามกฎหมาย การจัดตั้งองค์กรบริหารทรัพยากรธรรมชาติและการกำกับดูแลภาวะนิเวศของรัฐ ปฏิบัติหน้าที่กำกับดูแลประชาชนที่เป็นเจ้าของทรัพยากรธรรมชาติทั้งหมด การกำกับดูแลการใช้ผืนดินทั้งหมด และการอนุรักษ์ฟื้นฟูภาวะนิเวศ การกำกับดูแลการปล่อยมลภาวะประเภทต่าง ๆ ในเมืองและชนบท และการบริหารจัดการตามกฎหมาย การจัดตั้งคณะกรรมการตรวจสอบ ๔ ระดับคือ รัฐ มณฑล เมือง และอำเภอ ตรวจสอบเจ้าหน้าที่รัฐทั้งหมด ใช้ระบบตระเวนตรวจสอบของคณะกรรมการพรรคระดับเมืองและอำเภอ การเพิ่มกำลังในการจัดการปัญหาคอรัปชั่น จัดตั้งองค์กรบริหารและสร้างหลักประกันให้ทหารที่ปลดประจำการ เพื่อคุ้มครองสิทธิประโยชน์ที่ชอบด้วยกฎหมายของทหารและสมาชิกครอบครัว
บทสรุป
พรรคคอมมิวนิสต์จีนจะต้องนำประเทศจีนภายใต้ระบอบสังคมนิยมที่มีประชากรกว่า ๑,๓๐๐ ล้านคน ดังนั้น จึงต้องเพิ่มความสามารถด้านการบริหารต่าง ๆ รวมทั้ง ความสามารถด้านการนำทางการศึกษา การเมือง การปฏิรูป นวัตกรรมใหม่ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี การปกครองประเทศตามกฎหมาย การนำประชาชน การปฏิบัติด้านต่าง ๆ และการแก้ไขความเสี่ยง เป็นต้น เพื่อการขับเคลื่อนแนวคิดทางยุทธศาสตร์ให้บรรลุเป้าหมาย
ประมวลโดย พลตรี ไชยสิทธิ์ ตันตยกุล
ข้อมูลในบทความนี้รวบรวมและเรียบเรียงจากเอกสารต่างๆ (เรียงตามอักษร) ได้แก่
๑. ไชยสิทธิ์ ตันตยกุล, พลตรี ดร. (๒๕๖๑). ยุทธศาสตร์จีนบนเวทีโลก เล่ม ๒. กรุงเทพฯ : อรุณการพิมพ์.
๒. ปณต แสงเทียน, พลโท. (๒๕๕๘). “ยุทธศาสตร์เส้นทางสายไหมทางทะเลของจีน: ความเกี่ยวข้องต่ออาเซียนและ เอเชียตะวันออกเฉียงใต้” ใน วารสารรัฏฐาภิรักษ์ ปีที่ ๕๗ ฉบับที่ ๓ พ.ศ.๒๕๕๘, หน้า ๔๙ – ๖๑.
๓. มติชน, สำนักพิมพ์. (๒๕๕๙). สีจิ้นผิง ยุทธศาสตร์การบริหารประเทศ. นนทบุรี : โรงพิมพ์มติชนปากเกร็ด.
๔. อาร์ม ตั้งนิรันดร. (๒๕๖๑). China 5.0 : สีจิ้นผิง เศรษฐกิจยุคใหม่ และแผนการใหญ่ AI. กรุงเทพมหานคร: สำนักพิมพ์ bookscape.
๕. อักษรศรี พานิชสาส์น, รองศาสตราจารย์ ดร.(๒๕๖๒).การเติบใหญ่ของจีน Rise of China : จะกลายเป็น “กับดักธูสิดิดิส”หรือไม่.เอกสารคำสอนวิชา ศ.๓๖๑ เศรษฐกิจประเทศเอเชียตะวันออก มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์.