แนวคิด “ความฝันจีน” ของประธานาธิบดี สี จิ้นผิง ต่อคนรุ่นใหม่ของจีน มีประเด็นที่น่าสนใจดังนี้
๑. ประธานาธิบดี สี จิ้นผิง ในฐานะเลขาธิการคณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีนและประธานคณะกรรมาธิการการทหารกลาง ได้พบปะกับบรรดาผู้นำรุ่นใหม่ของคณะกรรมการกลางสันนิบาตเยาวชนคอมมิวนิสต์ (Central Committee of the Communist Youth League) เมื่อวันที่ ๒ ก.ค.๖๑ ณ ทำเนียบจงหนานไห่ กรุงปักกิ่ง โดยได้ให้แนวคิดว่า
๑.๑ การเป็นตัวแทนของเยาวชน การได้รับความไว้วางใจจากเยาวชน และการพึ่งพาเยาวชน คือหลักประกันที่มีนัยสำคัญว่าพรรคคอมมิวนิสต์จีนจะยังคงประสบความสำเร็จต่อไป
๑.๒ ความฝันจีนที่ต้องการจะฟื้นฟูประเทศชาติให้เข้มแข็งอีกครั้งนั้นจะเป็นจริงได้ก็ด้วยการทำงานหนักของเยาวชนคนรุ่นใหม่ อีกทั้งยังเน้นน้ำถึงความสำคัญของการยึดมั่นในภาวะผู้นำของพรรคคอมมิวนิสต์จีน และวิถีทางพัฒนาความสัมพันธ์ระหว่างสันนิบาตฯ กับสาธารณชนระหว่างการทำงานที่เกี่ยวเนื่องกับเยาวชน
๑.๓ การทำงานควรจะมีความฝันจีนเป็นศูนย์กลางอย่างใกล้ชิด และขอให้เยาวชนคนรุ่นใหม่เดินตามความฝันและทำความฝันให้เป็นจริงด้วยความกล้าหาญ
๒. ความฝันจีน (中国梦/Chinese Dream) เป็นแนวคิดที่เกิดขึ้นหลังจากที่จีนทำการถ่ายโอนอำนาจแล้วเสร็จในการประชุมสมัชชาพรรคคอมมิวนิสต์จีนครั้งที่ ๑๘ เมื่อเดือน พ.ย.๕๕ โดยนาย สี จิ้นผิง ได้ขึ้นมาดำรงตำแหน่งเลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์คนใหม่ เป็นผู้นำใหญ่ของผู้นำจีนรุ่นที่ ๕ พร้อมกับการประกาศภารกิจหลักของกลุ่มผู้นำรุ่นใหม่ คือ การนำพาประชาชาติจีนบรรลุถึง “ความฝันจีน” โดยการผลักดันการฟื้นฟูครั้งใหญ่แห่งประชาชาติจีน โดยอธิบายถึงวิถีทางที่จะบรรลุ ความฝันของจีน ได้แก่
๒.๑ การฟื้นฟูประเทศ ยกระดับชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชน สร้างความมั่งคั่ง สรรค์สร้างสังคมที่ดีขึ้น และขยายกำลังกองทัพ” พร้อมกับได้ปลุกคนหนุ่มสาวให้ “กล้าที่จะฝัน ทำงานหนักเพื่อที่จะบรรลุฝัน ไปพร้อมๆกับอุทิศให้แก่ประเทศชาติ
๒.๒ ความฝันจีน ยังคงเชื่อมโยงกับหลักทฤษฎีของพรรคฯ คือ “สังคมนิยมบุคลิกจีน” (socialism with Chinese characteristics) ที่จีนก่อรูปก่อร่างมาตั้งแต่ยุคผู้นำเติ้ง เสี่ยวผิง และเป็นสิ่งที่สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน โดยจีนได้ทะยานขึ้นมาเป็นชาติเศรษฐกิจยักษ์ใหญ่อันดับสองของโลก และคาดว่าจีนจะแซงหน้าสหรัฐฯ กลายเป็นมหาอำนาจเศรษฐกิจอันดับหนึ่งของโลกในปี ๒๐๒๕ (พ.ศ.๒๕๖๘) ภายใต้ปฏิรูปเศรษฐกิจและเปิดประเทศมาตั้งแต่ปี ๑๙๗๘ (พ.ศ.๒๕๒๑) ที่เรียกว่า “ระบบเศรษฐกิจแบบตลาดสังคมนิยมเอกลักษณ์จีน” และมาตรการสร้างความทันสมัยเพื่อบรรลุสังคมกินดีอยู่ดี (小康社会/เสี่ยวคังเซ่อหุ้ย) ภายในปี ๒๐๒๐ (พ.ศ.๒๕๖๓)
๒.๓ ความฝันจีน เพื่อบรรลุสู่การพัฒนาที่ยั่งยืน โดยเฉพาะการแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อมทั้งสภาพน้ำเน่าและสารพิษปนเปื้อนในสิ่งแวดล้อมจากโรงงานอุตสาหกรรม ไปถึงมลพิษอากาศจากหมอกควันที่จู่โจมเมืองใหญ่ ปัญหาคุณภาพสินค้า และความปลอดภัยของอาหาร นอกจากนี้ความฝันจีนไม่ใช่เพียงความฝันของจีนเท่านั้น การดำเนินการใด ๆ สู่ความฝันจีน ยังได้สร้างโอกาสให้แก่การพัฒนาของประเทศต่าง ๆ รวมทั้งมีส่วนในการช่วยส่งเสริมการผลักดันการพัฒนาและแสวงหาสันติภาพของมนุษยชาติอีกด้วย
๓. ข้อสังเกต การที่ประธานาธิบดี สี จิ้นผิง ให้ความสำคัญกับเยาวชนคนรุ่นใหม่นั้น อาจสืบเนื่องมาจากประสบการณ์ในชีวิตที่สามารถนำมาเป็นบทเรียนให้กับคนรุ่นใหม่ กล่าวคือ
๓.๑ เมื่อวันที่ ๒๒ ธ.ค. ปี ๑๙๖๘ (พ.ศ.๒๕๑๑) ประธานเหมา เจ๋อตง ได้เรียกร้องถึงความจำเป็นที่จะให้บัณฑิตที่เป็นวัยรุ่นเดินทางไปอยู่ในชนบท ฝึกอบรมโดยเกษตรกรในทุกระดับ ในขณะนั้น นักศึกษาทั่วประเทศจีน จำนวน ๑๗ ล้านคน ตอบรับข้อเรียกร้องดังกล่าว ซึ่งหนึ่งในนั้นก็มีนายสี จิ้นผิง ในวัยหนุ่มด้วย โดยในปี ๑๙๖๙ (พ.ศ.๒๕๑๒) ได้ถูกส่งให้เดินทางไปทำงานที่หมู่บ้านเหลียงเจียเหอ (Liangjiahe) ซึ่งอยู่ในหุบเขา มณฑลส่านซี ห่างจากกรุงปักกิ่งมาทางตะวันตกเฉียงใต้ประมาณ ๖๐๐ กิโลเมตร และใช้ชีวิตอยู่ในหมู่บ้านนี้นานถึง ๗ ปี ถือเป็นช่วงการเปลี่ยนแปลงชีวิต โดยให้ข้อคิดว่า “ความยากลำบากของชีวิตคนรากหญ้า สามารถสร้างความมุ่งมั่นให้กับคน ๆ หนึ่ง จากประสบการณ์ดังกล่าว ไม่ว่าในอนาคตจะเผชิญความยากลำบากอย่างไร ข้าพเจ้า (นายสี จิ้นผิง) ก็เต็มไปด้วยความกล้าหาญ ที่จะเผชิญหน้ากับการท้าทาย และเอาชนะอุปสรรคต่าง ๆ โดยไม่หวาดกลัวใด ๆ”
๓.๒ ประธานาธิบดี สี จิ้นผิง เคยอ่านวรรณกรรมรัสเซียหลายเรื่อง โดยเฉพาะวรรณกรรมของ นิโคไล เชอร์นิเชฟสกี (Nikolay Chernyshevsky) ขณะอยู่ที่เหลียงเจียเหอ เพื่อฝึกจิตใจให้เข้มแข็ง ซึ่งพระเอกในหนังสือเรื่องนี้ นอนบนเตียงตะปู เลือดไหลทั้งตัว สมัยนั้นการฝึกความเข้มแข็งต้องฝึกแบบนี้ ก็เลยเอาฟูกออก นอนบนไม้กระดาน เมื่อฝนตก หิมะตก ก็ออกจากบ้านฝ่าฝน ฝ่าหิมะ อาบน้ำเย็นข้าง ๆ บ่อน้ำ ทั้งนี้ล้วนเป็นเพราะว่าได้รับอิทธิพลจากหนังสือเล่มดังกล่าว
บทสรุป
การที่ประธานาธิบดี สี จิ้นผิง กล่าวถึงแนวคิด “ความฝันจีน” ต่อคนรุ่นใหม่ดังกล่าวนั้น อาจสืบเนื่องมาจากประสบการณ์ในชีวิต โดยเฉพาะการใช้ชีวิตอยู่ที่หมู่บ้านเหลียงเจียเหอ (Liangjiahe) ในหุบเขา มณฑลส่านซี และใช้ชีวิตอยู่ในหมู่บ้านนี้นานถึง ๗ ปี ซึ่งประสบการณ์ในช่วงเวลานั้น ได้ถูกนำมาถ่ายทอดอยู่ในหนังสือชื่อ “๗ ปีของสี จิ้นผิง ในฐานะเยาวชนที่เรียนรู้” (Xi Jinping’s Seven Years as an Educated Youth) ที่จัดพิมพ์โดยโรงเรียนศูนย์กลางของพรรคคอมมิวนิสต์จีน เมื่อเดือน ส.ค.๖๐ ดังนั้น ประธานาธิบดี สี จิ้นผิง จึงได้ให้ความสำคัญกับคนรุ่นใหม่ โดยเน้นว่า คนรุ่นใหม่เป็นหัวใจสำคัญของความฝันจีน
ประมวลโดย : พันเอกไชยสิทธิ์ ตันตยกุล
ข้อมูลจากเว็บไซต์
http://www.xinhuanet.com/english/2018-07/03/c_137296767.htm
http://thai.cri.cn/247/2018/07/02/102s268571.htm
http://thai.cri.cn/247/2018/07/03/102s268623.htm
https://mgronline.com/china/detail/956000007885
https://thaipublica.org/2017/10/pridi71/
http://www.chinaminutes.com/british/news/20170823/270371.html