จีนศึกษา (วันเสาร์ที่ ๑๘ มิ.ย.๖๕) ขอนำเสนอข้อมูลเกี่ยวกับการที่พลโท เหอ เหลย (何雷) อดีตรองผู้บัญชาการสถาบันวิทยาการทหาร (军事科学院 / Academy of Military Sciences : AMS) ของกองทัพปลดปล่อยประชาชนจีน (PLA) กล่าวในการบรรยายสรุปหลังจากนายกรัฐมนตรีฟูมิโอะ คิชิดะ ของญี่ปุ่นกล่าวสุนทรพจน์ในตอนค่ำวันที่ ๑๐ มิ.ย.๖๕ ว่า การเสริมแสนยานุภาพทางการทหารของญี่ปุ่นเป็นการส่งสัญญาณที่อันตราย รวมทั้งเมื่อเร็ว ๆ นี้ นักการเมืองชั้นสูงของญี่ปุ่นบางคนได้เสนอให้ทบทวนข้อพิจารณาตรวจสอบ ๓ หลักการว่าด้วยการปราศจากนิวเคลียร์ เพื่อสร้างเสริมแสนยานุภาพทางการทหาร รวมถึงควรปรับเพิ่มงบประมาณค่าใช้จ่ายด้านการป้องกันประเทศเป็น ๒% ของ GDP ภายในเวลา ๕ ปี ซึ่งข้อเสนอดังกล่าวนี้ล้วนเป็นอันตรายยิ่ง
ทั้งนี้ เมื่อวันที่ ๑๐ มิ.ย.๖๕ นายฟูมิโอะ คิชิดะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น กล่าวในพิธีเปิดการเสวนาแชงกรี-ลาว่า รัฐบาลญี่ปุ่นจะกำหนดยุทธศาสตร์ความมั่นคงแห่งชาติฉบับใหม่ภายในสิ้นปีนี้ และเสริมสร้างขีดความสามารถด้านการป้องกันของญี่ปุ่นโดยพื้นฐานในอีก ๕ ปีข้างหน้า เพื่อให้บรรลุเป้าหมายนี้ ญี่ปุ่นจะเพิ่มงบประมาณด้านการป้องกันประเทศอย่างมีนัยสำคัญ ในกระบวนการนี้ ญี่ปุ่นจะไม่ตัดตัวเลือกใด ๆ รวมถึงการมี "ความสามารถในการตอบโต้การโจมตี“
พลโท เหอ เหลย กล่าวว่า กรณีที่นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นพูดถึงอย่างมีนัยสำคัญขณะกล่าวสุนทรพจน์ว่า จีนละเมิดกฎเกณฑ์และเปลี่ยนแปลงสภาพที่มีอยู่ในทะเลจีนตะวันออกด้วยกำลังอาวุธหรือกำลังทหารนั้น ในความเป็นจริงแล้ว ผู้ริเริ่มเปลี่ยนสภาพที่มีอยู่คือ ญี่ปุ่น โดยเมื่อปี ๒๐๑๒ (พ.ศ.๒๕๕๕) รัฐบาลญี่ปุ่นทำการซื้อหมู่เกาะเตี้ยวอี๋ว์พร้อมหมู่เกาะโดยรอบอย่างผิดกฎหมายและไม่คำนึงถึงเสียงค้านอย่างรุนแรงจากจีน ซึ่งเป็นการล่วงละเมิดอธิปไตยของจีนอย่างร้ายแรงและถือเป็นผู้เริ่มละเมิดสัญญาจีน-ญี่ปุ่นว่าด้วยการระงับข้อพิพาท
ประมวลโดย พลโท ไชยสิทธิ์ ตันตยกุล
( ข้อมูลจากเว็บไซต์ http://world.people.com.cn/n1/2022/0612/c1002-32444239.html )