จีนศึกษา วันเสาร์ที่ ๒๕ ม.ค.๖๓ ขอนำเสนอข้อมูลเกี่ยวกับกรณีที่นายดอน ปรมัตถ์วินัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศไทย เดินทางไปพบปะเจรจากับนายหวัง อี้ มนตรีแห่งรัฐและรัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศจีน ที่กรุงปักกิ่ง ซึ่งมีประเด็นที่น่าสนใจดังนี้
๑. การเดินทางไปจีนของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศไทย เมื่อวันที่ ๒๓ ม.ค.๖๓ นั้น สืบเนื่องมาจากการที่นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้สั่งการให้นายดอน ปรมัตถ์วินัย ไปพบหารือกับนายหวัง อี้ มนตรีแห่งรัฐและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศจีน เกี่ยวกับการแก้ไขปัญหาภัยแล้ง ในฐานะที่จีนเป็นประเทศต้นน้ำ โดยในช่วงเย็นวันที่ ๒๓ ม.ค.๖๓ กระทรวงการต่างประเทศจีนได้ติดต่อกับสถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงปักกิ่ง เพื่อแจ้งว่าจากการติดต่อประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของจีนในเรื่องนี้ทันที ตามผลการหารือของรัฐมนตรีต่างประเทศทั้งสองนั้น จีนจะเพิ่มการระบายน้ำจากเขื่อนจิ่งหงอีก ๑๕๐ ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที หรือประมาณร้อยละ ๑๕ – ๒๐ ตั้งแต่วันที่ ๒๔ ม.ค.๖๓ เป็นต้นไป เพื่อช่วยประเทศปลายน้ำในการต่อสู้กับภัยแล้ง และจะประสานงานกับหน่วยงานบริหารจัดการน้ำของไทยอย่างใกล้ชิดต่อไป
๑.๑ นายหวัง อี้ ขอบคุณที่รัฐมนตรีต่างประเทศไทยเดินทางอย่างเร่งด่วนเพื่อมาหารือเรื่องนี้เป็นการเฉพาะด้วยตนเอง แสดงให้เห็นว่ารัฐบาลไทยให้ความสำคัญกับเรื่องนี้อย่างยิ่ง ฝ่ายจีนรับที่จะพยายามให้ความร่วมมือเพื่อบรรเทาผลกระทบของปัญหาอย่างดีที่สุด นอกจากนี้ ปีนี้เป็นปีครบรอบ ๔๕ ปี การสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างจีน-ไทย โดยจีนยินดีร่วมมือกับไทยในการปฏิบัติตามสิ่งที่ผู้นำของทั้งสองประเทศเห็นพ้องกัน และผลักดันการพัฒนาความสัมพันธ์หุ้นส่วนยุทธศาสตร์ความร่วมมือรอบด้านขึ้นสู่ระดับใหม่ สำหรับในส่วนของประเด็นปัญหาทะเลจีนใต้ที่เกี่ยวพันกับอธิปไตยและสิทธิประโยชน์ของจีนนั้น จีนยินดีที่จะร่วมมือกับประเทศคู่กรณีปัญหาทะเลจีนใต้ในการควบคุมข้อขัดแย้งต่างๆ ผ่านการพูดคุยเจรจากัน เพื่อเพิ่มพูนความเข้าใจและขับเคลื่อนความร่วมมือต่อไป
๑.๒ นายดอน ปรมัตถ์วินัย กล่าวถึงกรณีทะเลจีนใต้ โดยหวังว่าจะเร่งขับเคลื่อนการเจรจาแนวปฏิบัติในทะเลจีนใต้ (Code of Conduct in the South China Sea: COC) และเชื่อมั่นว่าประเทศในภูมิภาคจะสามารถควบคุมสถานการณ์ในทะเลจีนใต้ได้
๒. ปัจจัยที่ทำให้จีนเห็นความสำคัญในการร่วมมือกับไทยเพื่อบรรเทาผลกระทบจากปัญหาภัยแล้ง
๒.๑ จีนคาดหวังต่อบทบาทของไทย ในการสนับสนุนจีนเพื่อผลักดันความร่วมมือในเอเชียตะวันออกให้พัฒนามากขึ้น โดยเฉพาะการที่จีนได้ยืนหยัดแนวคิดพหุภาคีและการค้าเสรี
๒.๒ จีนให้ความสำคัญต่อบทบาทของไทย ในการกระชับความร่วมมือด้านการเชื่อมโยงกัน โดยเฉพาะการสร้างสรรค์ทางวิทยาศาสตร์เทคโนโลยี รวมทั้งการแลกเปลี่ยนด้านบุคลากรและวัฒนธรรม อันจะผลักดันการพัฒนาของภูมิภาคอย่างต่อเนื่อง โดยการยืนหยัดการเปิดกว้างต่อบทบาทศูนย์กลางของอาเซียน เพื่อผดุงไว้ซึ่งสันติภาพ ความมั่นคง การพัฒนาและความรุ่งเรืองของภูมิภาค
๒.๓ จีนคาดหวังต่อบทบาทของไทย ในการสนับสนุนจีนต่อการแก้ปัญหาประเด็นร้อนของภูมิภาคอย่างเหมาะสมด้วยการเจรจา รวมทั้งร่วมกันรักษาสันติภาพและความมั่นคงของภูมิภาค
บทสรุป
จีนได้แสดงท่าทีที่สนับสนุนบทบาทของไทยในการดำเนินการพัฒนาประเทศ และการเสริมสร้างความเชื่อถือทางการเมืองต่อกัน เพื่อกระชับการไปมาหาสู่กันของผู้นำระดับสูง รวมทั้งส่งเสริมความร่วมมือเพื่อสร้างผลงานในการยกระดับการเชื่อมต่อภายใต้กรอบความริเริ่ม “หนึ่งแถบ หนึ่งเส้นทาง” (Belt and Road Initiative: BRI) ของจีน กับยุทธศาสตร์การพัฒนาของไทย และส่งเสริมโครงการรถไฟไทย-จีน ให้เดินหน้าไปอย่างมีคุณภาพ ตลอดจนกระชับความร่วมมือทางเศรษฐกิจ โดยที่จีนเป็นหุ้นส่วนทางการค้าที่ใหญ่ที่สุดของไทยต่อเนื่องกัน ๖ ปี โดยปี ๒๐๑๘ (พ.ศ.๒๕๖๑) ยอดการค้าทวิภาคีมีมูลค่า ๘๗๕,๒๐๐ ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพิ่มขึ้น ๙.๒% นอกจากนี้ จีนและไทยกำลังยกระดับความร่วมมือด้านนวัตกรรมและการผลิต โดยเฉพาะเศรษฐกิจดิจิทัล และการขนส่งที่ทันสมัย เป็นต้น
ประมวลโดย พลตรี ไชยสิทธิ์ ตันตยกุล
ข้อมูลจากเว็บไซต์
https://www.chinadaily.com.cn/a/202001/24/WS5e2a4849a3101282172731a0.html
http://thai.cri.cn/20200124/ed24a01f-fd90-3d82-2213-e6517c657a2b.html
https://mgronline.com/uptodate/detail/9630000007918
http://thai.cri.cn/20191104/955297da-31b6-3816-496b-7cafa7546f93.html
http://thai.cri.cn/20191105/8102f8dc-f8da-39bd-54bf-bf4762dbcf96.html
http://english.www.gov.cn/statecouncil/wangyi/202001/23/content_WS5e29953bc6d019625c603de7.html
