ข้อคิดเห็นของประธานาธิบดี สี จิ้นผิง ต่อความสัมพันธ์ระหว่างจีน-สหรัฐฯ โดยต้องมีความรับผิดชอบในการแบกรับพันธกรณีทางประวัติศาสตร์ที่จะนำร่องการควบคุมและป้องกันความเสี่ยงต่างๆ ของโลก รวมทั้งอำนวยโอกาสการพัฒนาของโลก ซึ่งมีประเด็นที่น่าสนใจดังนี้
๑. เมื่อวันที่ ๑ เม.ย.๖๒ ประธานาธิบดี สี จิ้นผิง ได้พบปะคณะผู้แทนกลุ่มเดอะเอลเดอร์ส (The Elders) ซึ่งเป็นองค์กรระหว่างประเทศที่มิใช่รัฐ ณ กรุงปักกิ่ง โดยมีสาระสำคัญคือ
๑.๑ ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศใหญ่เกี่ยวพันถึงเสถียรภาพทางยุทธศาสตร์ของโลก ประเทศใหญ่ต่างมีความรับผิดชอบพิเศษของตน ความสัมพันธ์ระหว่างจีน-สหรัฐฯ เป็นความสัมพันธ์ทวิภาคีที่สำคัญของโลก หวังว่า ทั้งสองประเทศสามารถเดินเข้าหากัน ควบคุมและบริหารความขัดแย้งกัน และขยายความร่วมมือ เพื่อร่วมพัฒนาความสัมพันธ์ระหว่างจีน-สหรัฐฯ ที่ยึดถือการประสานงาน ความร่วมมือ และความมั่นคงเป็นพื้นฐาน พร้อมเสริมสร้างเสถียรภาพและความหวังมากยิ่งขึ้นให้แก่โลก
๑.๒ จีน-สหรัฐฯ ควรมีความรับผิดชอบในการแบกรับพันธกรณีทางประวัติศาสตร์ที่จะนำร่องการควบคุมและป้องกันความเสี่ยงต่างๆ ของโลกและอำนวยโอกาสการพัฒนาของโลก โดยเฉพาะข้อริเริ่ม “หนึ่งแถบ หนึ่งเส้นทาง” (Belt and Road Initiative: BRI) ซึ่งเป็นข้อเสนอของจีนที่จะเอื้อำนวยประโยชน์ต่อระบอบพหุภาคีและความร่วมมือระหว่างประเทศ
๑.๓ จีนกับสหรัฐฯ มีความแตกต่างกันในด้านระบอบ วัฒนธรรมและขั้นตอนการพัฒนา ซึ่งการที่ทั้งสองประเทศจะมีความขัดแย้งกัน จึงเป็นเรื่องปกติ เช่น ด้านเศรษฐกิจการค้า ถึงแม้ว่าทั้งสองประเทศมีความสัมพันธ์ที่อำนวยประโยชน์แก่กัน รวมทั้งมีส่วนเกื้อกูลกันและมีผลประโยชน์ผสมผสานกันอย่างลึกซึ้งก็ตาม แต่ความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจและการค้าก็มีความสลับซับซ้อน โดยเฉพาะห่วงโซ่คุณค่าและห่วงโซ่การผลิตของโลกมีส่วนเกาะเกี่ยวประสานกันอยู่ ดังนั้น จึงเป็นไปไม่ได้ที่จะแก้ไขปัญหาทางเศรษฐกิจการค้าโดยผ่านการเพิ่มภาษีหรือเพิ่มการกีดกันทางการค้า อันจะเป็นการขัดขวางการเติบโตของเศรษฐกิจของทั้งสองประเทศตลอดจนเศรษฐกิจโลก
๑.๔ จีนในฐานะเป็นประเทศกำลังพัฒนาที่ใหญ่ที่สุดในโลก ซึ่งปัจจุบันยังมีสัดส่วนประชากรยากจนจำนวน ๑๖,๖๐๐,๐๐๐ คน แต่จีนก็ยังยินดีร่วมแบกรับความรับผิดชอบทางสากล และใช้ความพยายามอย่างเต็มที่เท่าที่จะทำได้ ส่วนสหรัฐฯ ในฐานะเป็นประเทศพัฒนาแล้วที่ใหญ่ที่สุดของโลก รวมทั้งมีความเหนือกว่าด้านเศรษฐกิจ วิทยาศาสตร์เทคโนโลยี และการทหาร ก็ยิ่งควรแบกรับความรับผิดชอบอันพึงมีของประเทศใหญ่ ซึ่งขณะนี้การปรึกษาหารือกันทางเศรษฐกิจและการค้าระดับสูงระหว่างจีน-สหรัฐฯ รอบที่ ๙ กำลังดำเนินอยู่ที่กรุงวอชิงตัน โดยทั้งสองประเทศต่างควรควบคุมและบริหารความขัดแย้งกัน และขยายความร่วมมือในการหารือกัน เพื่อเสริมความมั่นใจให้กับทั่วโลก
๒. ข้อสังเกต จากข้อคิดเห็นดังกล่าวของประธานาธิบดี สี จิ้นผิง ที่เกี่ยวข้องกับความสัมพันธ์ระหว่างจีน-สหรัฐฯ โดยจะพบคำว่า “ความรับผิดชอบ” เป็นคีย์เวิร์ด (คำสำคัญ) ที่ถูกกล่าวถึงบ่อยครั้ง เนื่องจากจีนและสหรัฐฯ ในฐานะที่เป็นประเทศสมาชิกถาวรของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ และในฐานะที่เป็นสองประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่โตถึง ๔๐% ของโลก ซึ่งต่างมีบทบาทที่สำคัญต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจของโลก รวมทั้งการพิทักษ์สันติภาพระหว่างประเทศ และรับมือกับการท้าทายต่างๆ ของโลก
บทสรุป
ประธานาธิบดี สี จิ้นผิง เน้นย้ำว่า ความร่วมมือกันระหว่างจีน-สหรัฐฯ จะเป็นการเลือกสรรที่ดีที่สุดของทั้งสองฝ่าย โดยเฉพาะการหารือเศรษฐกิจและการค้าระดับสูงระหว่างจีนกับสหรัฐฯ ซึ่งมีความคืบหน้าอย่างเป็นรูปธรรมจากความรับรู้ร่วมกันในเชิงหลักการ และจากการหารือข้อตกลงไปถึงการเจรจาเนื้อหาสาระ เพื่อให้การรักษาความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศได้พัฒนาไปด้วยดีและก่อให้เกิดเสถียรภาพความมั่นคง อันสอดคล้องกับผลประโยชน์ของประชาชนทั้งสองประเทศ และเป็นความปรารถนาของประชาคมโลกอีกด้วย
ประมวลโดย : พลตรีไชยสิทธิ์ ตันตยกุล
ข้อมูลจากเว็บไซต์
http://www.chinaembassy.or.th/eng/zgyw/t1650933.htm
http://thai.cri.cn/20190404/dc9de179-2b79-22a9-19db-26a26ca08c0a.html
http://thai.cri.cn/20190330/2fb58418-5fc5-73d1-bea4-bf4e3d9ba9dd.html
http://thai.cri.cn/20190307/6c2be2e1-c9b5-561c-e5e1-2fb1fd2270e4.html
http://thai.cri.cn/20190303/fc77b134-b3db-e14b-602a-7c13196bd024.html
http://www.chinadaily.com.cn/a/201904/01/WS5ca21143a3104842260b3c2c.html