นายแจ๊ค หม่า (Jack Ma) ประธานบริหารของกลุ่มอาลีบาบา จะมาเยือนประเทศไทยในวันนี้ เพื่อประกาศแผนการลงทุนของอาลีบาบาในพื้นที่ EEC (Eastern Economic Corridor) รวมถึงโครงการความร่วมมือเพื่อพัฒนาอุตสาหกรรมดิจิทัลและส่งเสริมบุคลากรไทยในการพัฒนาทักษะและขีดความสามารถด้านดิจิทัล E-Commerce ซึ่งมีประเด็นที่น่าสนใจดังนี้
๑. สืบเนื่องจากการที่กระทรวงอุตสาหกรรม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ สำนักงานเพื่อการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) กรมศุลกากร กระทรวงการคลัง การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ไปรษณีย์ไทย (Thai Post) ได้ร่วมหารือกับทีมงานของอาลีบาบามาอย่างต่อเนื่องนับแต่ที่นาย แจ๊ค หม่า มาเยือนประเทศไทยเมื่อปี พ.ศ.๒๕๕๙ โดยได้ข้อสรุปความร่วมมือในโครงการหลักที่จะช่วยขับเคลื่อนอุตสาหกรรมดิจิทัลและการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อสนับสนุนยุทธศาสตร์ประเทศไทย ๔.๐ ได้แก่
๑.๑ โครงการลงทุนสร้างศูนย์ Smart Digital Hub ใน พื้นที่ EEC โดยศูนย์ฯ นี้จะอาศัยเทคโนโลยีระดับโลกของอาลีบาบาในด้านการประมวลข้อมูลโลจิสติกส์เพื่อทำให้การขนส่งสินค้าระหว่างไทยกับจีน การขนส่งสินค้าข้ามพรมแดนสู่ประเทศเพื่อนบ้าน (CLMV) และไปยังที่อื่นทั่วโลก ให้มีความรวดเร็วและมีประสิทธิภาพสูงสุด โดยเฉพาะการยกระดับพิธีการทางศุลกากรให้เป็นระบบดิจิทัลด้วย ซึ่งการตั้งศูนย์ Smart Digital Hub จะช่วยผลักดันให้ธุรกิจ Startup และ SME ไทยสามารถพัฒนาสินค้าและบริการใหม่ๆ โดยอาศัยเทคโนโลยีดิจิทัลให้เข้าถึงตลาดทั่วโลกได้ รวมถึงจะเป็นศูนย์กลางในการดำเนินกิจกรรมการวิจัยพัฒนาดิจิทัลที่เกี่ยวข้อง
๑.๒ โครงการความร่วมมือด้านการพัฒนาบุคลากรในด้านดิจิทัลและการส่งเสริมธุรกิจผ่าน E-Commerce ซึ่งอาลีบาบาจะร่วมกับกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม และกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ ในการพัฒนากลุ่มคนเก่งหรือดาวเด่นด้านดิจิทัล (Digital Talent) โดยอาลีบาบาได้เสนอให้วิทยาลัยธุรกิจอาลีบาบา (Alibaba Business School : ABS) มาร่วมสนับสนุนการใช้ Platform E-Commerce โดยจะเชื่อมโยงกับสถาบันการศึกษาและภาคเอกชน
๑.๓ โครงการร่วมส่งเสริมพัฒนาทักษะด้านดิจิทัล E-Commerce สำหรับผู้ประกอบการ SME และ Startup ของไทย เพื่อยกระดับขีดความสามารถด้านเทคโนโลยีดิจิทัลโดยเน้นให้ผู้ประกอบการมีความเข้าใจ ได้เรียนรู้และเสริมทักษะการใช้เทคโนโลยีไทยให้สามารถเข้าถึง Regional Global Value Chain ซึ่งอาลีบาบาจะจัดทีมงานร่วมลงพื้นที่กับทีมงานของกระทรวงอุตสาหกรรม โดยใช้เครือข่ายศูนย์ปฏิรูปอุตสาหกรรม ๔.๐ สู่อนาคต (Industry Transformation Center: ITC) ในระดับภาคและจังหวัดของกระทรวงอุตสาหกรรมทั่วประเทศ
๑.๔ อาลีบาบา จะร่วมมือกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท) ในการจัดทำ Thailand Tourism Platform เพื่อจัดกิจกรรมด้านการตลาดร่วมกันบนออนไลน์แพลทฟอร์มที่สามารถเชื่อมโยงกับสื่อและช่องทางต่างๆ ของ ททท. รวมทั้งจะร่วมมือกันในด้านการใช้ข้อมูลทางการท่องเที่ยว (Tourism Big Data) เพื่อเจาะลูกค้ากลุ่มเป้าหมายอย่างมีประสิทธิภาพ ตลอดจนร่วมมือกันส่งเสริมการท่องเที่ยวในไทยให้รองรับกับยุทธศาสตร์และแนวทางการขับเคลื่อนการท่องเที่ยวเมืองรองและการท่องเที่ยวในระดับชุมชนของรัฐบาล
๑.๕ กระทรวงพาณิชย์จะร่วมมือกับอาลีบาบาในการเปิดตัว Thai Rice Flagship Store บนเว็บไซต์ Tmall.com เพื่อสนับสนุนการขายข้าวไทยทางออนไลน์ในจีน ซึ่งจะช่วยผลักดันให้เกษตรกร ผู้ประกอบการและผู้ส่งออกข้าวและผลิตภัณฑ์จากข้าวสามารถเข้าถึงตลาด E-commerce ในจีนได้อย่างเป็นรูปธรรม
๒. โอกาสที่ทำให้เกิดแผนการลงทุนของอาลีบาบาในพื้นที่ EEC เนื่องจากอาลีบาบาได้ทำการศึกษาข้อมูลเปรียบเทียบในระดับภูมิภาคและเล็งเห็นว่า ประเทศไทยมีศักยภาพสูงที่จะเป็นศูนย์กลางด้านดิจิทัลและ E-commerce ในภูมิภาค จึงมีความตั้งใจที่จะมาลงทุนและร่วมมือกับหน่วยงานของไทยในโครงการต่างๆ ทั้งนี้ ปัจจุบันมีประชากรโลกกว่าร้อยละ ๖๘ สามารถเข้าถึงโทรศัพท์มือถือ ในขณะที่จำนวนผู้ใช้โซเชี่ยลมีเดี่ยผ่านมือถือของโลกและของภูมิภาคเอเซียแปซิฟิคมีการเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่องเฉลี่ยร้อยละ ๑๔ และ ๑๖ ตามลำดับ
๓. กำหนดการที่สำคัญโดย นายแจ๊ค หม่า จะเข้าเยี่ยมคารวะ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่ทำเนียบรัฐบาล และร่วมพิธีลงนามข้อตกลงความเข้าใจ ๔ ฉบับ ได้แก่ (๑) ความร่วมมือด้านการค้าการลงทุนและขับเคลื่อนเศรษฐกิจดิจิทัล (๒) ความร่วมมือด้านการลงทุนใน Smart Digital Hub (๓) ความร่วมมือด้านการพัฒนาบุคลากรด้านดิจิทัลและการส่งเสริมธุรกิจผ่าน E-commerce และ (๔) ความร่วมมือด้านการท่องเที่ยวผ่านดิจิทัลและการส่งเสริมการท่องเที่ยวเมืองรอง
๔. แผนการลงทุนของอาลีบาบาในพื้นที่ EEC จะเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาผู้ประกอบการไทยให้สามารถแข่งขันและเข้าถึงตลาดการค้าได้ทั้งระดับภูมิภาคและระดับโลกโดยใช้เทคโนโลยีดิจิทัลและ E-commerce รวมถึงการพัฒนาบุคลากรโดยเฉพาะกลุ่ม SME ผู้ประกอบการใหม่อย่างทั่วถึงในพื้นที่จังหวัดให้เป็นกำลังสำคัญในการสนับสนุนยุทธศาสตร์ประเทศไทย ๔.๐
บทสรุป
การที่อาลีบาบาเล็งเห็นโอกาสที่จะผลักดันให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางธุรกิจอีคอมเมิร์ซในภูมิภาค รวมถึงการพัฒนาเทคโนโลยีที่เกี่ยวเนื่องกับ Internet of Things (IoT) ที่เป็นเทคโนโลยีคลื่นลูกใหม่ที่จะเพิ่มประสิทธิภาพในกระบวนการธุรกิจด้วย เนื่องจากคาดว่ารายได้จากธุรกิจอีคอมเมิรซ์ในประเทศไทยจะเติบโตอย่างก้าวกระโดดจาก ๑๑๓,๔๐๐ ล้านบาท ในปี พ.ศ.๒๕๖๑ เป็น ๑๘๖,๕๐๐ ล้านบาท ในปี พ.ศ.๒๕๖๕ ประกอบกับนโยบายประเทศไทย ๔.๐ และ เขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก หรือ EEC ของรัฐบาลได้ช่วยสร้างความมั่นใจในทิศทางการพัฒนาประเทศ โดยเฉพาะระบบสาธารณูปโภคพื้นฐาน การคมนาคมขนส่ง ระบบโลจิสติกส์ โครงข่ายทางดิจิทัล และมาตรการสิทธิประโยชน์ รวมถึงการอำนวยความสะดวกในการลงทุน
ประมวลโดย : พันเอกไชยสิทธิ์ ตันตยกุล
ข้อมูลจากเว็บไซต์
https://www.prachachat.net/economy/news-144271
http://www.bangkokbiznews.com/news/detail/799086
https://www.thairath.co.th/content/1257142
http://www.thansettakij.com/content/275230