การนำเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence : AI) เข้ามาใช้ในวงการเกษตรของจีน ซึ่งมีประเด็นที่น่าสนใจดังนี้
๑. เป้าหมาย กรณีที่อาลีบาบาผู้ค้าอีคอมเมิร์ซของจีนได้ร่วมกับ บริษัท Tequ Group และ บริษัท Dekon Group ผู้นำด้านธุรกิจอาหารและเกษตรรายใหญ่ของจีน ใช้เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI ช่วยเกษตรกรให้สามารถหาสาเหตุอาการไอของสุกร ไม่ว่าจะเป็นอาการป่วยหรือสำลัก เพื่อป้องกันการเสียชีวิต
๒. วิธีการ
๒.๑ ใช้การผสมผสานเทคโนโลยีการจดจำใบหน้าเข้ากับฐานข้อมูลขนาดใหญ่ อาลีบาบาคลาวด์ จะร่วมใช้เทคโนโลยีไฮเทคของตน กับสุกรที่ฟาร์ม Tequ และ Dekon ในมณฑลเสฉวน เพื่อวิเคราะห์พฤติกรรมของสุกรระบุโรคและส่งสัญญาณเตือนล่วงหน้า
๒.๒ จากการทดลองในเบื้องต้น หมูแต่ละตัวจะมีข้อมูลของตัวเอง เช่น การจดจำใบหน้า, สายพันธุ์, อายุ, น้ำหนัก, อาหารและระดับกิจกรรม และยังสามารถติดตามและคัดแยกหมูที่ป่วยได้ด้วย จากเสียงของการไอ หรือสำลัก เพื่อแจ้งเตือนการดูแลทันการณ์ ลดความสูญเสียต่อหมูตัวอื่นๆ ในฟาร์ม จากการทดลองใช้ข้อมูลเหล่านี้ พัฒนาการเลี้ยงสัตว์ยุคใหม่ เบื้องต้น พบว่าสามารถเพิ่มการออกลูก ลดอัตราการตายของสุกรลงได้ ๓ เปอร์เซ็นต์
๓. ผลที่เกิดขึ้น จากกรณีที่ Alibaba’s Cloud Unit เซ็นสัญญากับ Tequ Group เมื่อวันที่ ๖ ก.พ.๖๑ เพื่อการส่งซอฟท์แวร์ AI เข้าสู่ธุรกิจฟาร์มเลี้ยงหมูของฝ่ายหลัง ซึ่งจะช่วยในการเพิ่มประสิทธิภาพระบบปศุสัตว์ของ Tequ บริษัทที่มีกำลังผลิตสุกรได้กว่า ๑๐ ล้านตัวต่อปี อันจะส่งผลดีต่อประเทศจีน ซึ่งเป็นแหล่งส่งออกเนื้อหมูสำคัญสุดของโลก โดยสามารถสร้างผลผลิตได้ถึง ๕๓.๕ ล้านตัน ในรอบปี ๒๐๑๗ (พ.ศ.๒๕๖๐)
บทสรุป
เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI จะปลดปล่อยเกษตรกรจากความยากจน ลดต้นทุนการผลิตจากปัญหาต่างๆ ด้วยการใช้ข้อมูลที่ดี เพิ่มรายได้และลดอุปสรรคอื่นๆ และการใช้งาน AI น่าจะเป็นทางออกของประเทศที่กำลังเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุเป็นอย่างดี เพราะเมื่อ AI ฉลาดมากขึ้น ก็จะสามารถเข้ามาทำงานทดแทนมนุษย์ได้มากขึ้น โดยเฉพาะด้านการเกษตรที่นับวันจะมีปัญหาการขาดแรงงานในภาคเกษตรมากขึ้น
ประมวลโดย : พันเอกไชยสิทธิ์ ตันตยกุล
ข้อมูลจากเว็บไซต์
https://mgronline.com/china/detail/9610000043518
https://brandinside.asia/ai-make-china-growth