จีนศึกษาฉบับพิเศษ (วันอังคารที่ ๑๕ พ.ย.๖๕) ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ได้เข้าร่วมการประชุมสุดยอดผู้นำ G20 ครั้งที่ ๑๗ เมื่อวันที่ ๑๕ พ.ย.๖๕ ซึ่งจัดขึ้นที่เกาะบาหลี ประเทศอินโดนีเซีย และกล่าวสุนทรพจน์สำคัญในหัวข้อ "ร่วมกันเผชิญความท้าทายแห่งกาลเวลาและสร้างอนาคตที่สดใส“
โดยในสุนทรพจน์ของนายสี จิ้นผิง ชี้ให้เห็นว่า โลกทุกวันนี้กำลังเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงอย่างลึกซึ้งที่ไม่มีใครเห็นในศตวรรษนี้ ในปัจจุบัน การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ยังคงมีปัญหา รวมทั้งเศรษฐกิจโลกมีความเสี่ยงมากขึ้น ขณะที่สถานการณ์ทางภูมิรัฐศาสตร์มีความตึงเครียด การขาดธรรมาภิบาลโลกอย่างรุนแรง และวิกฤตการณ์หลายอย่าง เช่น อาหารและพลังงานซ้อนทับกัน ทำให้การพัฒนามนุษย์กำลังเผชิญกับความท้าทายที่สำคัญ ซึ่งทุกประเทศควรสร้างความรู้สึกร่วมเป็นประชาคมที่มีอนาคตร่วมกันของมนุษยชาติ สนับสนุนสันติภาพ การพัฒนา ความร่วมมือ และผลลัพธ์แบบ win-win แทนที่ความแตกแยกด้วยความสามัคคี แทนที่การเผชิญหน้าด้วยความร่วมมือ และแทนที่การผูกขาดด้วยความอดทน และร่วมกันแก้ไข "สิ่งที่ผิดให้กับโลก”
นายสี จิ้นผิง เน้นว่า สมาชิกของ G20 ล้วนเป็นประเทศหลักในโลกและในภูมิภาคนี้ และควรสะท้อนความรับผิดชอบของประเทศหลักๆ มีบทบาทเป็นแบบอย่าง และแสวงหาการพัฒนาสำหรับทุกประเทศ ความเป็นอยู่ที่ดีของมนุษยชาติ และความก้าวหน้าของโลก G20 ควรยึดมั่นในความตั้งใจดั้งเดิมของความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันและความร่วมมือ สืบทอดจิตวิญญาณของการช่วยเหลือซึ่งกันและกันในเรือลำเดียวกัน และยึดมั่นในหลักการฉันทามติผ่านการปรึกษาหารือ โดยความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันและการอยู่ร่วมกันอันเป็นทางเลือกที่เหมาะสม
เราต้องการส่งเสริมการพัฒนาทั่วโลกที่ครอบคลุมมากขึ้น การพัฒนาร่วมกันของทุกประเทศคือการพัฒนาที่แท้จริง ความเจริญรุ่งเรืองและความมั่นคงในโลกนี้ไม่สามารถสร้างขึ้นบนพื้นฐานที่ว่า คนจนจะจนลง และคนรวยจะยิ่งรวยขึ้น จีนได้เสนอความคิดริเริ่มการพัฒนาระดับโลกและจัดตั้งกองทุนการพัฒนาทั่วโลกและความร่วมมือใต้ - ใต้ จะเพิ่มการลงทุนในกองทุนเพื่อสันติภาพและการพัฒนาของจีน - สหประชาชาติ และส่งเสริมความคิดริเริ่มนี้กับประเทศและองค์กรระหว่างประเทศมากกว่า ๑๐๐ แห่ง จัดหาความช่วยเหลือใหม่ ๆ
เราต้องการส่งเสริมการพัฒนาระดับโลกที่มีความยืดหยุ่นมากขึ้น จำเป็นต้องสร้างหุ้นส่วนการฟื้นฟูเศรษฐกิจระดับโลก ยึดมั่นในลำดับความสำคัญของการพัฒนา ให้ผู้คนเป็นศูนย์กลาง คำนึงถึงความยากลำบากของประเทศกำลังพัฒนาเสมอ และรองรับข้อกังวลของประเทศกำลังพัฒนา โดยจีนสนับสนุนสหภาพแอฟริกาให้เข้าร่วม G20
เราจะยังคงรักษาระบบการค้าพหุภาคีต่อไปโดยมีองค์การการค้าโลกเป็นแกนหลัก ส่งเสริมการปฏิรูปองค์การการค้าโลกอย่างแข็งขัน และส่งเสริมการเปิดเสรีและการอำนวยความสะดวกทางการค้าและการลงทุน โดยจีนได้เสนอแผนปฏิบัติการสำหรับความร่วมมือด้านนวัตกรรมดิจิทัล และตั้งตารอที่จะทำงานร่วมกับทุกฝ่ายเพื่อสร้างสภาพแวดล้อมการพัฒนาเศรษฐกิจดิจิทัลที่เปิดกว้าง ยุติธรรม และไม่เลือกปฏิบัติ และลดช่องว่างทางดิจิทัลระหว่างประเทศเหนือและใต้ เพื่อตอบสนองต่อความท้าทายของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและการเปลี่ยนไปสู่การพัฒนาที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและคาร์บอนต่ำ เราต้องให้การสนับสนุนประเทศกำลังพัฒนาในแง่ของเงินทุน เทคโนโลยี และการสร้างขีดความสามารถตามหลักการของความรับผิดชอบร่วมกันแต่มีความแตกต่างกัน
นายสี จิ้นผิง เน้นย้ำว่า ความมั่นคงด้านอาหารและพลังงานเป็นความท้าทายเร่งด่วนที่สุดในด้านการพัฒนาระดับโลก ต้นตอของวิกฤตในปัจจุบันไม่ใช่ปัญหาด้านการผลิตและอุปสงค์ แต่เป็นปัญหาเกี่ยวกับห่วงโซ่อุปทานและการหยุดชะงักของความร่วมมือระหว่างประเทศ การแก้ปัญหาอยู่ที่การเสริมสร้างความร่วมมือในการกำกับดูแลตลาด การสร้างพันธมิตรสินค้าโภคภัณฑ์ การสร้างตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ที่เปิดกว้าง มั่นคงและยั่งยืน ร่วมกันทำให้ห่วงโซ่อุปทานราบรื่น และทำให้ราคาในตลาดมีเสถียรภาพ เราต้องต่อต้านการทำให้เป็นเรื่องการเมือง การใช้เครื่องมือและการใช้อาวุธในประเด็นอาหารและพลังงานอย่างเด็ดเดี่ยว เพิกถอนการคว่ำบาตรฝ่ายเดียว และลบข้อจำกัดเกี่ยวกับความร่วมมือทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้อง
สุดท้ายนี้ นายสี จิ้นผิง ยังได้เน้นย้ำว่า จีนจะแน่วแน่เดินตามเส้นทางแห่งการพัฒนาอย่างสันติ ปฏิรูปเชิงลึกอย่างแน่วแน่ ขยายการเปิดกว้าง และส่งเสริมการฟื้นฟูครั้งใหญ่ของประชาชาติจีนอย่างแน่วแน่ในทุกด้านผ่านการปรับปรุงให้ทันสมัยแบบจีน และการที่จีนมุ่งสู่ความทันสมัยอย่างต่อเนื่องย่อมจะมอบโอกาสให้กับโลกมากขึ้น กระตุ้นแรงผลักดันที่แข็งแกร่งยิ่งขึ้นไปสู่ความร่วมมือระหว่างประเทศ และมีส่วนร่วมมากขึ้นเพื่อความก้าวหน้าของมวลมนุษยชาติ
ประมวลโดย พลโท ไชยสิทธิ์ ตันตยกุล
( ข้อมูลจากเว็บไซต์ http://mo.ocmfa.gov.cn/xwdt/wjyw/202211/t20221115_10975396.htm )