สมาคมวัฒนธรรมและเศรษฐกิจไทย-จีน ดึงบริษัทยางพาราจีน หาลู่ทางร่วมลงทุนตั้งโรงงานแปรรูปกับกลุ่มชาวสวนยางไทย ชี้ผู้ประกอบการจีนได้ต้นทุนวัตถุดิบถูกลง เผยนักลงทุนจีนเมืองชิงเต่าพร้อมร่วมมือชาวสวนยาง ระบุต้องการวัตถุดิบยางป้อนปีละ 10,000 ตัน
นายพินิจ จารุสมบัติ นายกสมาคมวัฒนธรรมและเศรษฐกิจไทย-จีน กล่าวในระหว่างประชุมร่วมกับสมาคมอุตสาหกรรมยางพาราแห่งประเทศจีน ว่า ผู้ประกอบการอุตสาหกรรมยางพาราจากเมืองชิงเต่า มณฑลซานตงต้องการเข้ามาหาลู่ทางการลงทุนในไทย เพื่อแปรรูปยางพารา โดยเมืองซานตงถือเป็นศูนย์กลางการผลิตผลิตภัณฑ์ยางพาราของจีน ซึ่งการนำเข้าและส่งออกยางพาราของจีน จะผ่านท่าเรือเมืองชิงเต่า 40% รวมทั้งเมืองชิงเต่ามีมหาวิทยาลัยยางพารา ศูนย์วิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ยางพารา โดยในปัจจุบันมีโรงงานแปรรูปยางพาราที่เมืองชิงเต่ามากแล้ว จึงทำให้ผู้ประกอบการจีนต้องการออกมาลงทุนในต่างประเทศเพื่อให้อยู่ใกล้วัตถุดิบ
นายพินิจ กล่าวว่า ที่ผ่านมามีผู้ประกอบการไทยหลายกลุ่มที่ร่วมลงทุนกับจีน แต่ต่อไปต้องการให้ผู้ประกอบการจีนเข้ามาร่วมลงทุน กับกลุ่มสวนยางของไทย ซึ่งได้เสนอให้สมาคมอุตสาหกรรมยางพาราแห่งประเทศจีน นำคณะผู้ประกอบการจีนที่สนใจมาศึกษารายละเอียดการลงทุนในไทยอีกครั้ง และถ้าในอนาคตหากจีนเข้ามาลงทุนผลิตยางรถยนต์ในไทยมากขึ้น อาจทำให้ปริมาณการผลิตแซงหน้าผู้ผลิตยางรถยนต์ ที่เป็นแบรนด์ระดับโลกในไทยได้
ทั้งนี้ ปัจจุบันกลุ่มสวนยาง มีการรวมกลุ่มเกษตรกรชาวสวน ที่ร่วมกันผลิตและจำหน่ายน้ำยาง โดยถ้าผู้ประกอบการจีน ร่วมลงทุนกับกลุ่มเกษตรกรชาวสวนยางไทย จะทำให้ผู้ประกอบการจีนได้ต้นทุนวัตถุดิบยางที่ถูกลง เพราะร่วมลงทุนกับผู้ผลิตน้ำยางเอง รวมทั้งถ้าผู้ประกอบการจีน ต้องการน้ำยางที่มีลักษณะอย่างไร สามารถหารือกับกลุ่มชาวสวนยางได้เลย ซึ่งในปัจจุบันมีกลุ่มชาวสวนยางหลายจังหวัดที่รวมกลุ่มกัน เช่น หนองคาย บึงกาฬ ระยอง ชลบุรี นครศรีธรรมราช
ยันต้องการวัตถุดิบ 1 หมื่นตัน/ปี
นายหยวน จังเสีย ประธานสมาคมอุตสาหกรรมยางพาราแห่งประเทศจีน กล่าวว่า สมาคมอุตสาหกรรมยางพาราแห่งประเทศจีน ได้นำผู้ประกอบการอุตสาหกรรมยางพาราจากเมืองชิงเต่า มณฑลซานตง มาดูความเหมาะการลงทุนแปรรูปยางพาราในไทย โดยจะนำข้อมูลเพื่อกลับไปหารือกันว่าจะเข้ามาลงทุนอย่างไร ซึ่งต้องการเข้ามาตั้งโรงงานแปรรูปยางพาราขั้นต้น เช่น ยางแท่ง ยางแผ่น และลงทุนผลิตยางรถยนต์ โดยจะแปรรูปยางขั้นต้นเพื่อส่งกลับไปจีนและป้อนให้โรงงานจีน ที่มาลงทุนในไทยนำไปแปรรูปต่อ และหลังจากนี้จะหารือกับผู้ประกอบการไทยหรือกลุ่มชาวสวนยางที่มีวัตถุดิบยางป้อนไม่น้อยกว่ารายละ 10,000 ตันต่อปี ซึ่งที่ผ่านมาเริ่มมีบริษัทยางพาราจากจีน เข้ามาร่วมลงทุนกับบริษัทไทยแล้ว เช่น บริษัท ไทยฮั้ว จำกัด (มหาชน)
นายหยวน กล่าวว่า จีนเป็นผู้บริโภคยางพาราและผลิตผลิตภัณฑ์ยางพารามากที่สุดในโลก โดยมีการผลิตยางรถปีละ 600 ล้านเส้น และในจำนวนนี้เป็นการผลิตยางเรเดียล 300 ล้านเส้น ซึ่งในปี 2554 จีนนำเข้ายางดิบ 3 ล้านตัน และไทยเป็นผู้ผลิตยางพารารายใหญ่ของโลก จึงต้องการความร่วมมือกับผู้ประกอบการไทย ซึ่งเมืองชิงเต่ามีเทคโนโลยีการผลิตผลิตภัณฑ์ยาง เช่น ยางเรเดียล รวมทั้งมีการตั้งรับเบอร์วัลเลย์ เพื่อพัฒนาบุคลากรในอุตสาหกรรมยางและวิจัยพัฒนาผลิตภัณฑ์ยาง โดยผู้ประกอบการไทยสามารถไปร่วมลงทุนกับบริษัทจีนในชิงเต่าได้
อสย.ลั่นพร้อมร่วมมือจีน
นายชูชาติ ตันอังสนากุล กรรมการบริหารกิจการองค์การสวนยาง กล่าวว่า ปัจจุบันไทยมีพื้นที่ปลูกยาง 18 ล้านไร่ มีผลผลิตยางปีละ 3.5 ล้านตัน โดยในปี 2563 คาดการณ์ไทยจะผลิตยางได้ 3.8 ล้านตัน และในปีดังกล่าว โลกจะมีความต้องการใช้ยาง 15 ล้านตัน แต่ผลิตได้ 13.7 ล้านตัน ถือว่าไม่เพียงพอต่อความต้องการในตลาดโลก จึงทำให้ยางเป็นที่ต้องการและเห็นว่าผู้ประกอบการยางจากเมืองชิงเต่า สามารถมาทำธุรกิจในไทยได้
ทั้งนี้ องค์การสวนยางมีพื้นที่ปลูกยาง 40,000 ไร่ มีโรงงานแปรรูปยาง 4 แห่ง กำลังการผลิตรวมปีละ 160,000 ตัน ซึ่งสามารถสร้างความร่วมมือทางธุรกิจกับผู้ประกอบการจีนได้
นางอรรชกา สีบุญเรือง เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) กล่าวว่า บีโอไอมีนโยบายสนับสนุนการลงทุนแปรรูปยางพาราเพื่อเพิ่มมูลค่าสินค้าให้มากขึ้น โดยปัจจุบันไทยส่งออกยางพารา ได้มูลค่าปีละ 600,000 ล้านบาท เป็นการส่งออกวัตถุดิบยาง 300,000 ล้านบาท และเป็นการส่งออกผลิตภัณฑ์ยาง 300,000 ล้านบาท ซึ่งถ้ามีการแปรรูปยางพารา จะทำให้มูลค่าสูงขึ้นในขณะที่ปริมาณยางเท่าเดิม.
"ยางชิงเต่า" รุกลงทุนไทย
'ยางชิงเต่า'รุกลงทุนไทย
สมาคมวัฒนธรรมไทย-จีน ดึงบริษัทยางพาราจีน หาลู่ทางร่วมลงทุนตั้งโรงงานแปรรูปกับกลุ่มชาวสวนยางไทย ชี้ผู้ประกอบการจีนได้ต้นทุนวัตถุดิบถูกลง เผยนักลงทุนจีนเมืองชิงเต่าพร้อมร่วมมือชาวสวนยาง ระบุต้องการวัตถุดิบยางป้อนปีละ 10,000 ตัน
นายพินิจ จารุสมบัติ นายกสมาคมวัฒนธรรมและเศรษฐกิจไทย-จีน กล่าวในระหว่างประชุมร่วมกับสมาคมอุตสาหกรรมยางพาราแห่งประเทศจีน ว่า ผู้ประกอบการอุตสาหกรรมยางพาราจากเมืองชิงเต่า มณฑลซานตงต้องการเข้ามาหาลู่ทางการลงทุนในไทย เพื่อแปรรูปยางพารา โดยเมืองซานตงถือเป็นศูนย์กลางการผลิตผลิตภัณฑ์ยางพาราของจีน ซึ่งการนำเข้าและส่งออกยางพาราของจีน จะผ่านท่าเรือเมืองชิงเต่า 40% รวมทั้งเมืองชิงเต่ามีมหาวิทยาลัยยางพารา ศูนย์วิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ยางพารา โดยในปัจจุบันมีโรงงานแปรรูปยางพาราที่เมืองชิงเต่ามากแล้ว จึงทำให้ผู้ประกอบการจีนต้องการออกมาลงทุนในต่างประเทศเพื่อให้อยู่ใกล้วัตถุดิบ
นายพินิจ กล่าวว่า ที่ผ่านมามีผู้ประกอบการไทยหลายกลุ่ม ที่ร่วมลงทุนกับจีน แต่ต่อไปต้องการให้ผู้ประกอบการจีนเข้ามาร่วมลงทุน กับกลุ่มสวนยางของไทย ซึ่งได้เสนอให้สมาคมอุตสาหกรรมยางพาราแห่งประเทศจีน นำคณะผู้ประกอบการจีนที่สนใจมาศึกษารายละเอียดการลงทุนในไทยอีกครั้ง และถ้าในอนาคตหากจีนเข้ามาลงทุนผลิตยางรถยนต์ในไทยมากขึ้น อาจทำให้ปริมาณการผลิตแซงหน้าผู้ผลิตยางรถยนต์ ที่เป็นแบรนด์ระดับโลกในไทยได้
ทั้งนี้ ปัจจุบันกลุ่มสวนยาง มีการรวมกลุ่มเกษตรกรชาวสวน ที่ร่วมกันผลิตและจำหน่ายน้ำยาง โดยถ้าผู้ประกอบการจีน ร่วมลงทุนกับกลุ่มเกษตรกรชาวสวนยางไทย จะทำให้ผู้ประกอบการจีนได้ต้นทุนวัตถุดิบยางที่ถูกลง เพราะร่วมลงทุนกับผู้ผลิตน้ำยางเอง รวมทั้งถ้าผู้ประกอบการจีน ต้องการน้ำยางที่มีลักษณะอย่างไร สามารถหารือกับกลุ่มชาวสวนยางได้เลย ซึ่งในปัจจุบันมีกลุ่มชาวสวนยางหลายจังหวัดที่รวมกลุ่มกัน เช่น หนองคาย บึงกาฬ ระยอง ชลบุรี นครศรีธรรมราช
ยันต้องการวัตถุดิบ 1 หมื่นตัน/ปี
นายหยวน จังเสีย ประธานสมาคมอุตสาหกรรมยางพาราแห่งประเทศจีน กล่าวว่า สมาคมอุตสาหกรรมยางพาราแห่งประเทศจีน ได้นำผู้ประกอบการอุตสาหกรรมยางพาราจากเมืองชิงเต่า มณฑลซานตง มาดูความเหมาะการลงทุนแปรรูปยางพาราในไทย โดยจะนำข้อมูลเพื่อกลับไปหารือกันว่าจะเข้ามาลงทุนอย่างไร ซึ่งต้องการเข้ามาตั้งโรงงานแปรรูปยางพาราขั้นต้น เช่น ยางแท่ง ยางแผ่น และลงทุนผลิตยางรถยนต์ โดยจะแปรรูปยางขั้นต้นเพื่อส่งกลับไปจีนและป้อนให้โรงงานจีน ที่มาลงทุนในไทยนำไปแปรรูปต่อ และหลังจากนี้จะหารือกับผู้ประกอบการไทยหรือกลุ่มชาวสวนยางที่มีวัตถุดิบยางป้อนไม่น้อยกว่ารายละ 10,000 ตันต่อปี ซึ่งที่ผ่านมาเริ่มมีบริษัทยางพาราจากจีน เข้ามาร่วมลงทุนกับบริษัทไทยแล้ว เช่น บริษัท ไทยฮั้ว จำกัด (มหาชน)
นายหยวน กล่าวว่า จีนเป็นผู้บริโภคยางพาราและผลิตผลิตภัณฑ์ยางพารามากที่สุดในโลก โดยมีการผลิตยางรถปีละ 600 ล้านเส้น และในจำนวนนี้เป็นการผลิตยางเรเดียล 300 ล้านเส้น ซึ่งในปี 2554 จีนนำเข้ายางดิบ 3 ล้านตัน และไทยเป็นผู้ผลิตยางพารารายใหญ่ของโลก จึงต้องการความร่วมมือกับผู้ประกอบการไทย ซึ่งเมืองชิงเต่ามีเทคโนโลยีการผลิตผลิตภัณฑ์ยาง เช่น ยางเรเดียล รวมทั้งมีการตั้งรับเบอร์วัลเลย์ เพื่อพัฒนาบุคลากรในอุตสาหกรรมยางและวิจัยพัฒนาผลิตภัณฑ์ยาง โดยผู้ประกอบการไทยสามารถไปร่วมลงทุนกับบริษัทจีนในชิงเต่าได้
อสย.ลั่นพร้อมร่วมมือจีน
นายชูชาติ ตันอังสนากุล กรรมการบริหารกิจการองค์การสวนยาง กล่าวว่า ปัจจุบันไทยมีพื้นที่ปลูกยาง 18 ล้านไร่ มีผลผลิตยางปีละ 3.5 ล้านตัน โดยในปี 2563 คาดการณ์ไทยจะผลิตยางได้ 3.8 ล้านตัน และในปีดังกล่าว โลกจะมีความต้องการใช้ยาง 15 ล้านตัน แต่ผลิตได้ 13.7 ล้านตัน ถือว่าไม่เพียงพอต่อความต้องการในตลาดโลก จึงทำให้ยางเป็นที่ต้องการและเห็นว่าผู้ประกอบการยางจากเมืองชิงเต่า สามารถมาทำธุรกิจในไทยได้
ทั้งนี้ องค์การสวนยางมีพื้นที่ปลูกยาง 40,000 ไร่ มีโรงงานแปรรูปยาง 4 แห่ง กำลังการผลิตรวมปีละ 160,000 ตัน ซึ่งสามารถสร้างความร่วมมือทางธุรกิจกับผู้ประกอบการจีนได้
นางอรรชกา สีบุญเรือง เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) กล่าวว่า บีโอไอมีนโยบายสนับสนุนการลงทุนแปรรูปยางพาราเพื่อเพิ่มมูลค่าสินค้าให้มากขึ้น โดยปัจจุบันไทยส่งออกยางพารา ได้มูลค่าปีละ 600,000 ล้านบาท เป็นการส่งออกวัตถุดิบยาง 300,000 ล้านบาท และเป็นการส่งออกผลิตภัณฑ์ยาง 300,000 ล้านบาท ซึ่งถ้ามีการแปรรูปยางพารา จะทำให้มูลค่าสูงขึ้นในขณะที่ปริมาณยางเท่าเดิม