วันที่ 20 เมษายน 2564 เวลา 14.00 น. (เวลาประเทศไทย) ดร. โภคิน พลกุล นายกสมาคมวัฒนธรรมและเศรษฐกิจไทย-จีน อดีตประธานรัฐสภาไทย และผู้ร่วมก่อตั้งพรรคไทยสร้างไทย ประชุมกับนายเฉิน โจ (H.E. Chen Zhou) รองรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิเทศสัมพันธ์ภายใต้คณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีน เพื่อหารือเรื่องรายละเอียดความสำคัญของสุนทรพจน์ที่ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ได้กล่าวในที่ประชุม Boao Forum for Asia ครั้งที่ 20 เมื่อเวลา 09.00 น. (เวลาประเทศไทย) โดยนายเฉิน โจ ได้ติดต่อล่วงหน้าเพื่อแสดงความจำนงขอเข้าหารือเมื่อประมาณเกือบ 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา และถือเป็นการหารือร่วมกันกับผู้แทนจากประเทศไทยคนแรกหลังจากการกล่าวสุนทรพจน์ของประธานาธิบดีสี จิ้นผิง
ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง กล่าวสุนทรพจน์ในหัวข้อ “A World in Change: Join Hands to Strengthen Global Governance and Advance Belt and Road Cooperation” โดยเน้นว่าจีนจะยึดมั่นในสันติภาพ การพัฒนา ความร่วมมือและผลประโยชน์ร่วมกัน พัฒนามิตรภาพและความร่วมมือกับประเทศอื่นๆ ในปีนี้ พรรคคอมมิวนิสต์จีนครบรอบ 100 ปี แล้ว และยังมุ่งหวังให้ความร่วมมือหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง (Belt and Road Initiative: BRI) เป็นถนนสาธารณะที่เปิดกว้างสำหรับทุกคนเพื่อผลประโยชน์ร่วมกัน อ้างอิงจากรายงานของธนาคารโลกที่ชี้ให้เห็นว่าภายในปี 2573 โครงการหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทางจะสามารถช่วยยกระดับประชากร 7.6 ล้านคน จากความยากจนขั้นรุนแรง และ 32 ล้านคน จากความยากจนระดับปานกลางทั่วโลก
หลังจากนั้น มีการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเรื่องนโยบายเส้นทางสายไหมสุขภาพ (Health Silk Road) เส้นทางสายไหมดิจิตอล (Digital Silk Road) และความร่วมมือสีเขียวซึ่งครอบคลุมถึงระบบสาธารณูปโภคพื้นฐาน พลังงาน และการเงิน (Green Development Coalition) ซึ่งการเป็นหุ้นส่วนหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทางที่มีคุณภาพสูงเป็นการเชื่อมโยงการค้าและการลงทุนระหว่างประเทศไทย จีน และภูมิภาคอาเซียน ในปี 2563 ประเทศจีนเป็นประเทศคู่ค้าอันดับ 1 ของประเทศไทย คิดเป็นมูลค่าถึง 10,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และประเทศไทยเป็นคู่ค้าอันดับที่ 3 ของประเทศจีนในกลุ่มประเทศอาเซียน
ทั้งสองฝ่ายเห็นร่วมกันว่าควรยกระดับความร่วมมือด้านเส้นทางสายไหมทางทะเลผ่านทางโครงการคลองไทย ซึ่งจะเชื่อมโลกเข้าด้วยกันในทุกมิติ โดยมีวิสัยทัศน์ร่วมกันว่าคลองไทยควรเป็นคลองแห่งสันติภาพของโลกตะวันออกและตะวันตก นอกจากนี้ การที่บริษัทกฎหมายระดับโลกของจีน Yingke Law Firm กำลังจะเข้ามาเปิดสาขาในประเทศไทยเพื่อให้คำปรึกษาด้านกฎหมาย การบัญชี การค้า และการลงทุน ถือเป็นการเข้ามาช่วยให้ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศไทยและประเทศจีนดียิ่งขึ้น และหลังจากนี้ จะเข้าพบกับทูตการค้าของจีนเพื่อหารือเรื่องความร่วมมือกับหอการค้าวิสาหกิจของจีนในโอกาสต่อไป
นอกจากนี้ ทั้งสองฝ่ายมีความเชื่อร่วมกันว่าเราควรช่วยกันสร้างประชาคมที่มีอนาคตร่วมกันของมวลมนุษยชาติ โดยหากไม่มีสันติภาพ จะไม่สามารถเกิดการพัฒนาอย่างยั่งยืนได้ และกรณีการเหยียดคนเอเชียหรือคนผิวเหลืองในต่างประเทศถือเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้องเพราะละเมิดศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ เราควรร่วมกันกำจัดการเลือกปฏิบัติและการเหยียดเชื้อชาติให้หมดไป